ไอเอ็นจีเผยผลสำรวจภาวะการลงทุนไตรมาส 4/2551

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 20, 2009 12:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน ดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนในไทยปี 2551 ลดลง 56% เฉพาะไตรมาส 4/2551 ลดลง 30% เป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและวิกฤติของภาคการเงินในประเทศต่างๆ จุดเด่นจากรายงานการสำรวจภาวะการลงทุนประจำไตรมาสของไอเอ็นจี กรุ๊ป - ดัชนีความเชื่อมั่นของการลงทุนในไทยลดลง 30% มาอยู่ที่ 59 ในไตรมาส 4/2551 จาก 84 ในไตรมาส 3/2551 ซึ่งนับว่าลดลงถึง 56% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว - นักลงทุนชาวไทยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโดยรวมของไทยและสถานะการเงินของนักลงทุนจะประสบภาวะตกต่ำในปี 2552 โดย 88% ของนักลงทุนไทยชี้ว่า ไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2551 - วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนในเอเชียวิตกว่า อัตราการว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้น และในจำนวนนักลงทุนเอเชียที่แสดงความวิตกดังกล่าว เป็นนักลงทุนชาวไทยสูงถึง 55% - นักลงทุนชาวไทยยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ โดย 46%ของนักลงทุนไทย ระบุว่า จะลดการลงทุนและเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสดในไตรมาส 1/2552 ไอเอ็นจี กรุ๊ป สถาบันการเงินระดับโลก เผยข้อมูลจากรายงานการสำรวจภาวะการลงทุนรายไตรมาสว่า ความเชื่อมั่นของการลงทุนในประเทศไทยลดลงอย่างเด่นชัดถึง 56% ในปี 2551 ทั้งนี้ เป็นผลจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อนักลงทุนไทยตลอดปีที่ผ่านมา ดัชนีความเชื่อมั่นของการลงทุนในไทยลดลงมาอยู่ที่ 59 ในไตรมาส 4/2551 จาก 134 ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว (ไตรมาส 4/2550) อันเป็นผลมาจากวิกฤติด้านสินเชื่อในตลาดโลก ผนวกกับความตกต่ำทางเศรษฐกิจในปี 2551 ซึ่งดัชนีความเชื่อมั่นของการลงทุนในไทยในไตรมาส 4/2551 ที่ระดับ 59 นี้ นับว่าลดลงถึง 30% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2551 ที่ระดับ 84 สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนในภูมิภาคเอเชียโดยรวม (ยกเว้นญี่ปุ่น) มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องมาตลอด 5 ไตรมาส มาอยู่ที่ระดับ 73 ในไตรมาสที่ 4/2551 คิดเป็นสัดส่วนที่ลดลง 15% จากที่ระดับ 86 ในไตรมาสก่อน (3/2551) และลดลง 46% จากไตรมาส 4/2550 ที่ระดับ 135 การสำรวจภาวะการลงทุนไอเอ็นจี อินเวสเตอร์ แดชบอร์ด (ING Investor Dashboard) เป็นการสำรวจดัชนีการลงทุนรายไตรมาสในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) เป็นรายแรก โดยเป็นการชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภูมิภาคนี้ทั้ง 13 ประเทศ ได้แก่ ไทย ฮ่องกง จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ส่วนดัชนีภาครวมของเอเชียจะรวมทุกตลาด ยกเว้น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ พร้อมทั้งเสนอภาพรวมของตลาดการลงทุนและทัศนคติของนักลงทุน โดยสามารถใช้ดัชนีความเชื่อมั่นประจำไตรมาสของไอเอ็นจี กรุ๊ป ในการอ้างอิง นักลงทุนไทยคาดว่า ปัญหาวิกฤติสินเชื่อและภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จะยังคงส่งผลกระทบเชิงลบอย่างต่อเนื่องต่อสถานะการเงินส่วนบุคคลของนักลงทุนไทยและเศรษฐกิจไทยโดยรวมในปี 2552 ข้อมูลบ่งชี้ว่า ทัศนคติต่อสภาพเศรษฐกิจและสถานะการเงินส่วนบุคคลของนักลงทุนไทย ในไตรมาส 4/2551 ทรุดต่ำลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน - 88% ของนักลงทุนไทย ชี้ว่า สภาพเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2551 ทรุดโทรม เทียบกับ 81% ในไตรมาส 3/2551 - 52% ของนักลงทุนไทย ชี้ว่า สถานะการเงินส่วนบุคคลในไตรมาส 4/2551 ทรุดโทรม เทียบกับ 51% ในไตรมาส 3/2551 ผลการสำรวจบ่งชี้ว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงในไตรมาส 4/2551 ได้แก่ วิกฤติสินเชื่อ ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และปัญหาเศรษฐกิจไทย - 71% ของนักลงทุนไทย ชี้ว่า นโยบายของรัฐบาลส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในการลงทุนในไตรมาส 4 /2551 - 60% มองว่า ตนได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในไตรมาส 4/2551 - 71% มองว่า ตนได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อในไตรมาส 4/2551 สำหรับในไตรมาส 1/2552 ปัญหาด้านสินเชื่อ วิกฤติเศรษฐกิจโลก และวิกฤติการเมืองไทยยังคงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนไทย ทั้งนี้ นักลงทุนไทยยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยและสภาวะการเงินส่วนบุคคลของนักลงทุนไทยจะยังคงทรุดต่ำในปี 2552 แต่มีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่แสดงความวิตกต่ออัตราการว่างงานที่เป็นผลจากวิกฤติเศรษฐกิจ - 46% ของนักลงทุนไทย เผยว่า จะลดการลงทุนและเพิ่มการถือครองเงินสดในไตรมาสที่ 1/2552 - 56% มองว่า การมีรัฐบาลใหม่ของสหรัฐอเมริกาไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของตนในปี 2552 - 77% มองว่า เศรษฐกิจไทยจะตกต่ำลงอีกในไตรมาส 1/2552 ขณะที่ในไตรมาสก่อน นักลงทุน 40% มีมุมมองดังกล่าว - 38% คาดว่า สภาวะการเงินส่วนบุคคลของตนจะยังคงทรุดต่ำลงในไตรมาสแรกของปี 2552 ขณะที่ในไตรมาสก่อน นักลงทุน 21% มีมุมมองดังกล่าว - 55% คาดว่า ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการจ้างงาน นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในไตรมาส 4/2551 นักลงทุนชาวไทยมีความเชื่อมั่นในการลงทุนลดลงอย่างมาก อันเป็นผลมาจากความตกต่ำของเศรษฐกิจโลกและวิกฤติสินเชื่อ เสริมด้วยวิกฤติการเมืองและความปลอดภัยในไทย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุนมากกว่าปัจจัยภายนอกประเทศ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องความวิตกเกี่ยวกับอนาคตอันใกล้ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย การลดการลงทุนของนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ อัตราการขยายตัวที่ลดลงของการส่งออก และการประท้วงกดดันให้รัฐบาลชุดปัจจุบันลาออก ส่งผลให้นักลงทุนชาวไทยลดและควบคุมการใช้จ่ายและการลงทุนของตน” นักลงทุนไทยยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่คาดว่าจะมีขึ้นต่อไปในปี 2552 ในภาวะวิกฤติการเงินในปัจจุบัน นักลงทุนไทยที่มุ่งความสนใจไปที่การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำมีสัดส่วน 16% เปรียบเทียบกับนักลงทุนไทยที่สนใจการลงทุนที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางที่มีสัดส่วนถึง 19% และมีเพียง 13% ที่สนใจการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง โดยการลงทุนในหลักทรัพย์ของไทย กองทุนรวมในต่างประเทศ และหน่วยลงทุนลดลงอย่างมากในไตรมาส 4/2551 - 20% ของนักลงทุนไทยมีการลงทุนในหลักทรัพย์ไทยในไตรมาส 4/2551 เทียบกับ 83% ในไตรมาส 3 ปีเดียวกัน - 36% ลงทุนในกองทุนรวมและหน่วยลงทุนของไทยในไตรมาส 4/2551 เทียบกับ 43% ในไตรมาส 3/2551 - 15% ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยในไตรมาส 4/2551 เทียบกับ 43% ในไตรมาส 3 ปีเดียวกัน สำหรับในปี 2552 ข้อมูลผลสำรวจบ่งชี้ว่า นักลงทุนชาวไทยมุ่งถือการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่มีอยู่เดิมต่อไป - 28% ของนักลงทุนไทยเผยว่า จะเพิ่มการถือครองเงินสด/เงินฝากธนาคารมากขึ้นไตรมาส 1/2552 - มีเพียง 8% ที่เดินหน้าลงทุนในหลักทรัพย์ของไทย ขณะที่ 12% ลงทุนในกองทุนรวมและหน่วยลงทุนที่จัดตั้งขึ้นในประเทศ และ 4% ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยในไทยในไตรมาส 1/2552 นอกจากนี้ นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ คาดว่า อสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยจะมีราคาลดลงในไตรมาส 4/2551 โดย 64% ของนักลงทุนไทยคาดการณ์ว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยจะมีราคาลดลงเฉลี่ย 4.5% ในไตรมาส 4/2551 “คำแนะนำของเรา คือ ให้มองการณ์ไกล การถือเงินสดถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำสุดในระยะยาว นักลงทุนไทยควรมีแผนการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย อาทิ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ และควรลงทุนเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอในทุกไตรมาสเป็นระยะเวลานาน 1 — 2 ปี เพื่อให้การลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และมีระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม” นายมาริษ ท่าราบ กล่าว นักลงทุนจีนและไต้หวัน มีความเชื่อมั่นในการลงทุนสูงขึ้น สวนกระแสประเทศอื่นในเอเชีย แม้ว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วเอเชียจะลดต่ำลง แต่ในประเทศจีนและไต้หวัน นักลงทุนกลับมีความเชื่อมั่นสูงขึ้น ซึ่งคาดจะเป็นผลมาจากการประกาศมอบเงินช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ประเทศ ดัชนีไตรมาส3/2551 ดัชนีไตรมาส 4/2551 %ที่เพิ่มขึ้น ประเทศจีน 88 103 17% ไต้หวัน 65 76 17% ก้าวเข้าสู่ไตรมาส 1/2552 ข้อมูลบ่งชี้ว่า นักลงทุนในประเทศจีนอาจยังคงมีทัศนคติเชิงบวกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าประเทศตนได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก - 50% ของนักลงทุนจีน คาดการณ์ว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจภายในประเทศจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 1/2552 และ 54 % เชื่อว่า สถานะการเงินส่วนบุคคลของตนจะดีขึ้นในช่วงเดียวกัน - 73% ของนักลงทุนจีน คาดการณ์ว่า สภาพเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาจะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของตน ขณะที่ 88% ระบุว่า สภาพเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกามีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของตนในไตรมาส 4/2551 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ สุภาวดี / สาธิดา อาซิแอม เบอร์สัน — มาร์สเตลเลอร์ โทร. 02-252-9871 จุมพล สายมาลา บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-688-7780

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ