KTAMเปิดขาย2กองทุนตราสารหนี้เอกชน อายุ3-6เดือนชูผลตอบแทน2.-2.30%ต่อปี

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 20, 2009 14:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--บลจ.กรุงไทย นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ตราสารหนี้ 3เดือน7 ( KTSUP3M7) และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน4 ( KTSIV6M4) ในวันที่ 21-27 มกราคม 2552 เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน โดยกองทุน KTSUP3M7 เป็นกองทุนที่มีอายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า 2,000 ล้านบาท กองทุนจะลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝาก/ตั๋วแลกเงินของธนาคารสินเอเชีย และธนาคารเกียรตินาคิน ในสัดส่วน 25% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในบมจ.บริษัทโตโยต้า ลิสซิ่ง บมจ.ไทยออยล์ และ บมจ.พฤกษา ในสัดส่วนบริษัทละ25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะมีผลตอบแทนประมาณการที่ 2.00% ต่อปี ส่วนกองทุน KTSIV6M4 มีอายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 2,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝาก และตั๋วแลกเงินของธนาคารเกียรตินาคิน และธนาคารธนชาต ในสัดส่วน 25% ลงทุนในตั๋วแลกเงินของ บมจ.บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บมจ. ภัทรลีสซิ่ง และบมจ. เอ็มบีเค ในสัดส่วนบริษัทละ25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนจะมีผลตอบแทนประมาณการที่ 2.30% ต่อปี นายสมชัย กล่าวถึง ภาวะการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ว่า อัตราผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี ยังคงปรับตัวลงอีก 2 — 8 bp มาอยู่ในระดับ 1.80 — 2.00% หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.75 % มาอยู่ในอัตรา 2.00% ซึ่งใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ พันธบัตรภาครัฐระยะสั้นยังเป็นที่ต้องการของตลาดค่อนข้างมาก ทั้งจากความต้องการของกองทุนรวมและนักลงทุนสถาบัน ที่ต้องการลดความผันผวนของตราสารที่มีรุ่นอายุกลางถึงยาว สำหรับตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ 3 อันดับแรก (A- ขึ้นไป) ยังให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพันธบัตรภาครัฐ เนื่องจากนักลงทุนมีการปรับลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เหล่านี้ ขณะที่ผู้ออกตราสารภาคเอกชนหลายแห่งหันมาออกตราสารระยะสั้นเพื่อใช้บริหารสภาพคล่องมากขึ้น จึงทำให้ปริมาณตราสารหนี้โดยรวมมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ credit spread ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทยังคงเปิดจำหน่ายกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในตราสารการเงินของธนาคารพาณิชย์ และตราสารหนี้ระยะสั้นของบริษัทภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ 3 อันดับแรกขึ้นไป และผลตอบแทนของผู้ลงทุนจะไม่เสียภาษีหัก ณที่จ่าย 15% สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณแสงสิริ เนตรอัมพร โทร 0-2670-4900 ต่อ 1235 / 085-1800-441 บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดจำหน่ายกองทุนอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าการฝากแบงก์ และการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ