กรุงเทพฯ--3 ม.ค.--กบข.
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. เปิดเผยภายหลังจากการจัดงานสัมมนา “มิติใหม่ของการออม” ที่มีขึ้นเมื่อวันที่14 ธ.ค. ที่ผ่านมาถึงผลสรุปเกี่ยวกับทิศทางการออมและทิศทางการพัฒนาตลาดทุนไทยในอนาคตว่า สำหรับทิศทางระบบการออมของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ ควรจะมีการกระตุ้นให้เกิดการออมในภาคครัวเรือนมากขึ้น และส่งเสริมให้ผู้ออมในระบบมีรายได้เพื่อการเกษียณอายุอย่างเพียงพอ สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และมีการเตรียมพร้อมอย่างเหมาะสมทั้งกายและใจ ซึ่งแนวทางการวางแผนเพื่อการเกษียณในอนาคตนั้น ประเทศไทยควรหันมาเน้นการออมของผู้ที่อยู่ในวัยทำงานมากขึ้น โดยรัฐบาลบังคับให้ออม และให้สิ่งจูงใจในรูปของภาษีและโครงการออมต่างๆ เพื่อให้มีเงินออมระยะยาวมากขึ้น ทั้งนี้ ในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปสู่การบูรณาการของปัจจัยสำคัญหลายประการที่จะช่วยผลักดันการออมในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางและนโยบายของภาครัฐที่ต้องสนับสนุนและส่งเสริมการออม รวมทั้งบทบาทของนักลงทุนสถาบันที่จะต้องสร้างปริมาณการลงทุนเพิ่มขึ้น และควรมีการบริหารจัดการสถาบันที่บริหารเงินออมที่ดีเพื่อจะพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องทิศทางการพัฒนาตลาดทุนไทยในอนาคตนั้น นายวิสิฐเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ตลาดทุนไทยกำลังอยู่ในช่วงของการขยายตัว ดังนั้น การกระตุ้นการออมเงินในรูปแบบผ่านกองทุนต่างๆ มีบทบาทอย่างมากในการสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้น เนื่องจากขณะนี้ นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น 60% เป็นนักลงทุนรายย่อยที่มีการซื้อขายระยะสั้น นอกจากนี้ เราควรให้สำคัญกับการบริหารกองทุนที่ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี มีความโปร่งใส และมีธรรมาภิบาลในทุกระดับขององค์กร ทั้งนี้ ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การบริหารเศรษฐกิจของประเทศ ต้องหาจุดพอดีระหว่างการออมและการบริโภคเพื่อสร้างการเติบโต ควบคู่การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ยุวพร นนท์ภาษโสภณ
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
Government Pension Fund
Tel. 02-636-1000 Ext.263 , 01-612-2322
Fax. 02-636-1691--จบ--