กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--บลจ. ทิสโก้
บลจ. ทิสโก้ ออกกองตราสารหนี้ “สเปเชียล พลัส 7” ต่อเนื่อง เน้นลงทุนในตราสารหนี้เอกชนในปท. เรตติ้งดี ฟันธงแนวโน้มดอกเบี้ยเงินฝาก-พันธบัตรรัฐบาลซึมยาว มองตราสารหนี้ภาคเอกชนน่าสนกว่า ชวนล็อกผลตอบแทน 2 ปี เตรียมเสนอขาย 23-30 ม.ค. นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 20,000 บาท
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน ธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคลบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ. ทิสโก้ เชื่อว่าแนวโน้มดอกเบี้ยในปีนี้จะยังเป็นขาลง ทั้งในส่วนของดอกเบี้ยนโยบาย ดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ รวมถึงผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล จึงแนะนำว่าผู้ลงทุนควรขยายอายุของตราสารหนี้ที่จะลงทุนให้ยาวขึ้น
ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน บริษัทจึงได้เสนอ “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 7” ซึ่งเป็นกองตราสารหนี้ต่อเนื่องจาก “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 6” ที่เสนอขายเมื่อต้นเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีนโยบายการลงทุนเช่นเดียวกัน นั่นคือเป็นกองตราสารหนี้ในประเทศ ที่มุ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชนในประเทศที่มีคุณภาพ โดยมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 2 ปี จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกๆ 6 เดือน (Auto Redemption)
“จากการที่เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤติเศรษฐกิจในอเมริกา ทำให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบเหมือนกับประเทศอื่นๆ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเร่งปรับลดดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ระดับ 2.00% ในการประชุมครั้งล่าสุด และคาดว่าจะลดดอกเบี้ยลงอีกอย่างต่อเนื่อง โดยมีความเป็นไปได้มากที่จะถูกปรับลดลงสู่ระดับ 1-1.5% ภายในกลางปีนี้ ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในทุกช่วงอายุปรับตัวลดลง ซึ่งปัจจุบันก็ลดลงมามากแล้วตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 51 โดยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1-2 ปี ตอนนี้ให้ผลตอบแทนประมาณ 1.7-1.9% เท่านั้น เราจึงมองว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะปานกลางถึงระยะยาวให้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าสำหรับการลงทุนอีกต่อไป ในขณะตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีเรตติ้งดี ตั้งแต่ A- ขึ้นไป มีความน่าสนใจกว่า เพราะให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่ม หรือ Credit spread ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุใกล้เคียงกัน
อีกทั้งเราเชื่อว่าบริษัทเอกชนที่สามารถออกหุ้นกู้ได้ยังคงมีความสามารถในการชำระคืนหนี้ในระดับที่ดี เนื่องจากหลายบริษัทมีหนี้สินอยู่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับทุน และมีความแข็งแกร่งทางการเงินกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 มาก ดังนั้นหากนักลงทุนต้องการเปิดโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาล แต่ยังไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการเล่นหุ้น แนะนำว่าควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนมากขึ้น และให้ลดน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะ 3-5 ปีขึ้นไปลง”
ทั้งนี้ นายสาห์รัชกล่าวว่า ที่ บลจ. ทิสโก้ เลือกออกกองตราสารหนี้อายุ 2 ปี เนื่องจากมองว่าเป็นระยะเวลาที่ผู้ลงทุนสามารถรับได้ เพราะไม่นานจนเกินไป ผู้ลงทุนจึงควรล็อกผลตอบแทนเอาไว้ประมาณ 2 ปี ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะลดต่ำลงไปอีก เพราะเชื่อว่าเมื่อกองทุนครบอายุ ผู้ลงทุนจะได้ลงทุนต่อในอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า
ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 7” กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยมีอายุโครงการประมาณ 2 ปี มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 20,000 บาท โดยคาดว่าจะเสนอขายในวันที่ 23 — 30 ม.ค. 52 นี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร 02 633 6000 กด 4 ตลอด 24 ชม.
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน