กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--สามารถคอร์ปอเรชั่น
กลุ่มบริษัทสามารถ ผู้ให้บริการเทคโนโลยีครบวงจร ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทสามารถปี 52 ตั้งเป้ารายได้ 23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 51 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ มั่นใจในกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจที่คุ้มค่าต่อการลงทุน โดยมุ่งเน้นทั้งการขยายผลจากธุรกิจปัจจุบันและพุ่งเป้าที่โครงการประมูลภาครัฐ ซึ่งมีมูลค่ารวมถึง 1 แสนล้านบาท
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางธุรกิจของ “กลุ่มบริษัทสามารถ” ว่า “ปี 52 นี้เป็นปีที่ทุกองค์กรต้องพิสูจน์ความสามารถและจะเป็นช่วงเวลาที่ได้เปรียบขององค์กรที่มีความพร้อมและศักยภาพในการลงทุน จึงขอเรียกปีนี้ว่าเป็น “ปีแห่งการฝ่าวิกฤตและพิชิตโอกาสหรือ “2009 Year of Risk & Opportunity Management” ซึ่งทุกสายธุรกิจภายใต้กลุ่มสามารถจะใช้กลยุทธ์หลักร่วมกัน นั่นคือ การบริหารความเสี่ยงโดยเน้นการบริหารต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่าย บริหารจัดการข้อมูล การบริหารงานด้าน HR ฯลฯ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และการแสวงหาโอกาสในการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเตรียมการสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ในปี 2552 แม้จะมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจมวลรวมในประเทศจะมีการขยายตัวน้อยมากหรืออาจถึงติดลบ แต่ “กลุ่มสามารถ” กลับประกาศสวนกระแสอีกครั้ง ด้วยเป้าหมายรายได้รวมของทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากสายธุรกิจที่ให้ผลกำไรสูงและการแข่งขันต่ำ นั่นคือสายธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคม หรือ ICT Solutions ซึ่งนำโดย บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้ารายได้รวมทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 200 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 51 ทั้งนี้เพราะมีปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจนต่ออุตสาหกรรมไอซีที อาทิ การเข้ามาของเทคโนโลยีและเครือข่ายการสื่อสารใหม่ๆ เช่น 3G, CDMA, WiMAX เป็นต้น รวมทั้งโครงการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐ เพื่อการพัฒนาระบบเครือข่ายโทรคมนาคมและไอทีของประเทศ ซึ่งจะมีการใช้จ่ายงบประมาณมูลค่ารวมกว่า 100,000 ล้านบาท ดังนั้น ด้วยความชำนาญในเรื่องเทคโนโลยีและความพร้อมในการลงทุน บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมประมูลไม่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่ารวม ล่าสุด คาดว่าจะเข้าร่วมประมูลในโครงการต่างๆ มูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปีนี้ อาทิเช่น โครงการขยายโครงข่ายไอพีบรอดแบนด์เพื่อรองรับการใช้งานอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ มูลค่าประมาณ 4,200 ล้านบาท ควบคู่ไปกับโครงการบรอดแบนด์ 1 ล้านพอร์ต มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี 2553 และ โครงการไอพีคอร์ มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท และโครงการเคเบิลใต้น้ำมูลค่า 600 ล้านบาท โครงการโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมในพื้นที่ห่างไกลชนบท Universal Service Obligation (USO) มูลค่า 280 ล้าน และมีโครงการที่อยู่ในระหว่างรอการประมูลอีกกว่า 50,000 ล้านบาท เช่น โครงการมิเตอร์อัจฉริยะ(AMR) ส่วนขยาย โครงการNGN โครงการ e-learning โครงการ Airport CUTE ซึ่งยังไม่นับรวมโครงการประมูลขนาดใหญ่ซึ่งมีมูลค่าราว 30,000 ล้านบาท คือโครงการลงทุนโครงข่าย 3 จี
นอกจากโอกาสการเติบโตที่โดดเด่นของสายไอซีทีแล้ว ยังมีธุรกิจอื่นๆของกลุ่มฯ ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ Content, Contact Center, e-learning และ ICT Outsourcing ซึ่งทั้งหมดนี้ บริษัทฯ ได้วางรากฐานไว้อย่างดีและพร้อมที่จะขยายผลอย่างต่อเนื่อง
ส่วนสายธุรกิจ Mobile Multimedia ซึ่งคาดว่าตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศจะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หดตัวตามภาวะเศรษฐกิจ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) จึงได้เตรียมกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นตลาดโดยเน้น 3 ส่วนหลัก คือ
1. New Network New Device การนำเสนอโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่เพื่อรองรับระบบ 3G และ ระบบ CDMA ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของการใช้งานบรอดแบนด์ ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Terminal Device รูปแบบใหม่ๆ เช่น โทรศัพท์ 3G ที่ใช้ OS Android ที่มี Application ในการใช้งานที่หลากหลาย, USB Modem ที่มี TV Tuner สามารถดู TV ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ได้, เครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กราคาย่อมเยา (Net book) เป็นต้น
2. New markets การแสวงหาตลาดใหม่ที่มีการแข่งขันต่ำด้วยการนำเสนอโทรศัพท์มือถือที่มีคุณสมบัติการใช้งานโดดเด่นตรงกับความต้องการของตลาด อาทิ Mobile TV เป็นต้น โดยยังพุ่งเป้าขยายตลาดในต่างประเทศซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง และเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เพื่อโอกาสในการสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง เช่น อินเดีย และ อินโดนีเซีย รวมทั้งประเทศในแถบตะวันออกกลางซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่มากนัก
3. New Fighting Strategies การกำหนดกลยุทธ์เพื่อสร้างความแตกต่างให้แก่ผลิตภัณฑ์ และยกระดับในการแข่งขัน รวมทั้งกระตุ้นให้ผู้บริโภคเห็นความคุ้มค่าในการเปลี่ยนเครื่องใหม่ เช่น นำเสนอประสิทธิภาพที่เหนือระดับโดยคัดสรรเทคโนโลยีที่โดดเด่นทั้ง ภาพ เสียง หน้าจอ และคุณสมบัติอื่นๆ ที่มีคุณภาพสูงในราคาคุ้มค่าที่สุด รวมทั้งเป็นผู้นำในการเสนอฟังก์ชั่นที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ นอกจากนี้ ยังสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าด้วยมาตรฐานบริการ ”สะดวก รวดเร็ว มั่นใจในอะไหล่แท้” ผ่านศูนย์บริการที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วภูมิภาค
สำหรับธุรกิจ Content จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการใช้บริการระบบเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง (Wireless broadband) อาทิเช่น 3G และ CDMA 1xEV-DO ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้มีความพร้อมในการให้บริการด้วยรูปแบบ Content ที่หลากหลายอาทิเช่น บริการด้านโหราศาสตร์ (Horo), Content ทางด้านกีฬา (Sport), ข้อมูลกินดื่มเที่ยว (Eat-Drink-Travel) และอื่นๆ โดยในปี 52 คาดว่าจะมีรายได้ 930 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ล่าสุด จากการเปิดตัวธุรกิจ “ดูดวงครบวงจร” หรือ HoroWorld ขึ้น ที่ เอสพรานาด ก็ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
สรุปแล้วสายธุรกิจ Mobile Multimedia นำทีมโดย บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้ารายได้รวม 12,500 ล้านบาท ด้วยยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ 5 ล้านเครื่อง โดยแบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 2.7 ล้านเครื่องและต่างประเทศ 2.3 ล้านเครื่อง โดยในปี 52 จะมีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือใหม่กว่า 30 รุ่น มากกว่าปี 51 เท่าตัว
สายธุรกิจ Technology Related ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นธุรกิจภายในประเทศ 1,400 ล้านบาท จากบริษัท วันทูวันคอนแทคส์ จำกัด , บริษัท สามารถวิศวกรรม จำกัด และบริษัท สุวรรณภูมิ เอ็นไวรอนเม้นท์ แคร์ จำกัด ส่วนธุรกิจในต่างประเทศตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,100 ล้านบาท จากธุรกิจของบริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิสเซส จำกัด และบริษัท Kampot Power Plant จำกัด
“เมื่อพิจารณาสัดส่วนของรายได้ของกลุ่มสามารถในปี 52 จะเห็นว่ามาจากสาย Mobile Multi-media 55 เปอร์เซ็นต์ สาย ICT Solutions 35 เปอร์เซ็นต์ และสาย Technology Related 10 เปอร์เซ็นต์ โดยสายไอซีทีมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน จากเดิมที่เคยสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มฯ 20 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นสัญญานบวกต่อภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มฯ เพราะเป็นสายธุรกิจที่ให้ผลกำไรสูงและมีโอกาสในการต่อยอด เพื่อสร้างรายได้ประจำอีกด้วย” นายวัฒน์ชัยกล่าวทิ้งท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม PR.Corp.
วทิรา ลุยากร (ใหม่) โทร.0- 85-918-1172
วรรษกร ปลื้มจิตต์ (ตุ๊ก) โทร. 0-85-918-1175