กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
ซิทริกซ์ ซิสเต็มส์ อิงค์ (NASDAQ: CTXS) ผู้นำระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการนำเสนอแอพพลิเคชั่น เปิดเผยว่าบริษัทฯ จะพัฒนาโซลูชั่นการนำเสนอแอพพลิเคชั่นและเดสก์ท็อปรุ่นแรกของอุตสาหกรรมที่ปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับเดสก์ท็อป Intel? Core?2 และแลปท็อป Centrino? 2 ที่ใช้เทคโนโลยี Intel? vPro? ภายใต้ข้อตกลงที่ทำกับอินเทล คอร์ปอเรชั่น ซิทริกซ์มีแผนที่จะสร้างโซลูชั่นเวอร์ช่วลไลเซชั่น ( Virtualization) รุ่นใหม่ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพในการนำเสนอแอพพลิเคชั่นและเดสก์ท็อปให้แก่อุปกรณ์หลายล้านเครื่องที่ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core2 และ Centrino 2 โดยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการเดสก์ท็อปได้อย่างมาก โซลูชั่นเวอร์ช่วลไลเซชั่นที่ใช้ตัวจัดสรรทรัพยากรความเร็วสูง หรือไฮเปอร์ไวเซอร์ (Hypervisor) จะช่วยให้ผู้ใช้ที่ทำงานนอกสถานที่และในสำนักงานได้รับประโยชน์จากเดสก์ท็อปเวอร์ช่วลไลเซชั่นแบบรวมศูนย์ ด้วยสภาพแวดล้อมพีซีที่มีฟีเจอร์พร้อมสรรพและปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้ที่ทำงานนอกสถานที่และในสำนักงานจะสามารถใช้ประโยชน์จากเวอร์ช่วลไลเซชั่นระดับองค์กร โดยไม่บั่นทอนความปลอดภัย ความสามารถในการจัดการ ความสะดวกในการใช้งาน ประสิทธิภาพ หรือความสามารถในการพกพา "แนวทางที่แปลกใหม่จากซิทริกซ์และอินเทลจะช่วยผลักดันทางเลือกสำหรับเดสก์ท็อปเวอร์ช่วลไลเซชั่น และปรับปรุงการจัดการเดสก์ท็อปซึ่งปัจจุบันก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายต่อองค์กรต่างๆ หลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี" มาร์ค โบเคอร์ นักวิเคราะห์ของ Enterprise Strategy Group (ESG) กล่าว "แพลตฟอร์มการนำเสนอที่โปร่งใสนี้จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการครอบครองเดสก์ท็อปภายในองค์กร และช่วยให้ฝ่ายไอทีขององค์กรสามารถปรับปรุงการนำเสนอแอพพลิเคชั่นและเดสก์ท็อปให้แก่ผู้ใช้"
องค์ประกอบสำคัญของโซลูชั่นใหม่จากซิทริกซ์ก็คือ เดสก์ท็อปไฮเปอร์ไวเซอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Xen และปรับแต่งให้เหมาะสมกับเทคโนโลยี Intel? Virtualization รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ ของเทคโนโลยี Intel? vPro? ไคลเอ็นต์ไฮเปอร์ไวเซอร์รุ่นใหม่นี้ ซึ่งจะจำหน่ายให้แก่ผู้ผลิตพีซีและองค์กรทั่วโลก จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีสามารถส่งสตรีมเดสก์ท็อปขององค์กรซึ่งถูกบริหารจัดการในลักษณะรวมศูนย์ รวมถึงแอพพลิเคชั่นทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ไปยังเวอร์ช่วลแมชชีน (Virtual Machine - VM) บนเครื่องไคลเอ็นต์ที่ปลอดภัยได้โดยตรง เทคโนโลยีใหม่นี้จะรวมอยู่ในโซลูชั่นใหม่จากซิทริกซ์ภายใต้โค้ดเนม "Project Independence" ซึ่งจะช่วยให้อุปกรณ์ เดสก์ท็อป แอพพลิเคชั่น และผู้ใช้สามารถทำงานได้โดยอิสระ และได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการจัดการแบบรวมศูนย์ โดย Project Independence จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความคล่องตัวของระบบไอทีให้แก่องค์กรธุรกิจทั่วโลก
แนวทางนี้แตกต่างจากเทคโนโลยีเดสก์ท็อปเวอร์ช่วลไลเซชั่นบนเซิร์ฟเวอร์ โดยจะทำหน้าที่แคชและเรียกใช้เดสก์ท็อปและซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีไคลเอ็นต์โดยตรง จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ รองรับกราฟิกขั้นสูง และการเชื่อมต่อภายนอกเครือข่ายองค์กรได้อย่างเต็มที่สำหรับผู้ใช้แลปท็อป การผสานรวมการจัดการเดสก์ท็อปและแอพพลิเคชั่นแบบรวมศูนย์เข้ากับประสบการณ์การใช้งานที่ปลอดภัย รองรับฟีเจอร์พร้อมสรรพ และปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้อุปกรณ์พกพา จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถลดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นในการบริหารจัดการบุคลากรที่ทำงานนอกสถานที่กันมากขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยและการเข้าใช้แอพพลิเคชั่นองค์กรอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ใช้เทคโนโลยีซิทริกซ์และอินเทลทั่วโลก
นอกเหนือจากความสามารถทางด้านเวอร์ช่วลไลเซชั่น เทคโนโลยี Intel vPro รุ่นที่สาม ยังจัดหาความสามารถที่หลากหลายด้านการจัดการระยะไกลและการรักษาความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น เมื่อใช้อุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี vPro ผู้จัดการฝ่ายไอทีจะสามารถแก้ไขปัญหาและซ่อมแซมเครื่องพีซีได้อย่างเหมาะสม แม้กระทั่งในกรณีที่ระบบปฏิบัติการหรือฮาร์ดไดรฟ์ของเครื่องพีซีถูกปิดการใช้งาน
"ซิทริกซ์และอินเทลได้ทำงานร่วมกันเพื่อชี้นำการพัฒนาไฮเปอร์ไวเซอร์ Xen แบบโอเพ่นซอร์ส ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมที่จะช่วยยกระดับการทำงานแบบเปิดกว้าง ความปลอดภัย และความสามารถในการปรับขนาดสำหรับเซิร์ฟเวอร์เวอร์ช่วลไลเซชั่น" เอ็น. หลุยส์ ชิปลีย์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ XenServer ของซิทริกซ์ ซิสเต็มส์ กล่าว "การขยายการทำงานร่วมกับเครื่องไคลเอ็นต์จะช่วยให้โครงสร้างพื้นฐาน Citrix Delivery Center สามารถสื่อสารโดยตรงกับอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีของอินเทล โดยนับจะเป็นการพลิกโฉมหน้าเดสก์ท็อปเวอร์ช่วลไลเซชั่น และจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อลูกค้าของบริษัททั้งสอง"
"การทำงานร่วมกันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาโซลูชั่นไคลเอ็นต์เวอร์ช่วลไลเซชั่นที่เปี่ยมด้วยความสามารถหลักๆ ตั้งแต่การจัดการอิมเมจแบบรวมศูนย์อย่างง่ายดาย ไปจนถึงสภาพแวดล้อมที่มีฟีเจอร์พร้อมสรรพสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์พกพา" เกรกอรี่ ไบรอันท์ รองประธานกลุ่มธุรกิจไคลเอ็นต์เพื่อธุรกิจของอินเทล และผู้จัดการทั่วไปฝ่ายแพลตฟอร์มดิจิตอลออฟฟิศ กล่าว "นอกจากนี้ โซลูชั่นดังกล่าวจะขยายขีดความสามารถของเทคโนโลยี Intel vPro ในการจัดการและรักษาความปลอดภัย เพื่อช่วยให้ฝ่ายไอทีบรรลุจุดประสงค์ที่มีความสำคัญมากขึ้นในเรื่องของการลดค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งจัดหาเครื่องมือที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน"
ขยายเวอร์ช่วลไลเซชั่นบนแพลฟอร์ม Xen ไปสู่ไคลเอ็นต์
เมื่อปี 2551 ชุมชนโอเพ่นซอร์ส Xen ได้จัดตั้งโครงการ Xen Client Initiative เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโซลูชั่นบนแพลตฟอร์ม Xen สำหรับสภาพแวดล้อมไคลเอ็นต์ (ดูข่าวประชาสัมพันธ์ที่นี่) ไคลเอ็นต์ไฮเปอร์ไวเซอร์ Xen รุ่นใหม่นี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่างซิทริกซ์และอินเทล จะได้รับการปรับแต่งเพื่อรองรับเวอร์ช่วลไลเซชั่น และเหมาะสำหรับการนำเสนอในรูปแบบของคอมโพเนนต์ขนาดเล็กที่ฝังอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์แลปท็อปหรือเดสก์ท็อปภายในองค์กร ทั้งยังสามารถติดตั้งบนระบบไคลเอ็นต์ที่มีอยู่ ซึ่งติดตั้งระบบปฏิบัติการเอาไว้แล้ว
ไฮเปอร์ไวเซอร์ Xen มีข้อได้เปรียบสำคัญๆ ทางด้านสถาปัตยกรรม จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับโครงการนี้ Xen ได้รับการพัฒนาในรูปแบบของมาตรฐานเปิดโดยผู้ผลิตชั้นนำกว่า 50 รายในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบรักษาความปลอดภัย โดยได้รับการออกแบบตั้งแต่ต้นเพื่อรองรับอุปกรณ์และชิปเซ็ตที่หลากหลายมากที่สุดในอุตสาหกรรม ตั้งแต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงอุปกรณ์พีดีเอ ด้วยเหตุนี้ สถาปัตยกรรมของ Xen จึงช่วยให้ VM ทำงานแยกกันได้อย่างแข็งแกร่งบนอุปกรณ์เดียวกัน ทั้งยังช่วยให้สามารถควบคุมเครื่องไคลเอ็นต์ได้โดยตรง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัย ซึ่งนับว่าสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเวอร์ช่วลไลเซชั่นบนอุปกรณ์ไคลเอ็นต์
ช่วยให้ผู้ผลิตพีซีสามารถจัดหาเวอร์ช่วลไลเซชั่นแบบในตัวบนไคลเอ็นต์
ความร่วมมือระหว่างซิทริกซ์และอินเทลจะช่วยให้ผู้ผลิตพีซีสามารถผสานรวมเวอร์ช่วลไลเซชั่นแบบ "ในตัว" บนไคลเอ็นต์ เข้ากับระบบประมวลผลเดสก์ท็อปและแลปท็อปได้เป็นครั้งแรก
เดลล์มีแผนที่จะรับรองผลิตภัณฑ์นี้บนแพลตฟอร์มการประมวลผลของเรา และเราได้จัดเตรียมบริการวิศวกรรมเพื่อช่วยในการออกแบบและทดสอบเทคโนโลยีใหม่ "การเพิ่มความสะดวกในการประมวลผล และการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้า ถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจของเรา ดังนั้นเราจึงมีความยินดีที่จะทำงานร่วมกับซิทริกซ์และอินเทลเพื่อรองรับโซลูชั่นเวอร์ช่วลไลเซชั่นรุ่นใหม่นี้" ดาร์เรล วาร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายเดสก์ท็อปเพื่อธุรกิจ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ของเดลล์ กล่าว "เวอร์ช่วลไลเซชั่นจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานและจัดการเดสก์ท็อประดับองค์กร ทั้งยังช่วยปรับปรุงค่าใช้จ่าย TCO และทำให้เราสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นให้แก่ลูกค้าของเรา"
การวางจำหน่าย
Project Independence ซึ่งครอบคลุมถึงไคลเอ็นต์ไฮเปอร์ไวเซอร์ Xen รุ่นใหม่ที่ปรับแต่งสำหรับ Intel vPro คาดว่าจะเริ่มนำเสนอในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2552