กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--สำนักงานเขตหลักสี่
เขตหลักสี่ระดมสรรพกำลังสนับสนุนสำนักงานสถิติแห่งชาติ(สสช.) จัดทำสำมะโนทดลองในกรุงเทพฯ เพื่อหาข้อมูลที่สะท้อนภาพที่เป็นจริงของเมืองใหญ่ ซึ่งสสช. จะได้นำข้อมูลดังกล่าวส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดนโยบายพัฒนาประเทศ และจัดบริการสาธารณะสนองความต้องการที่แท้จริงของประชาชน
(29 ม.ค. 52) นางสาวอมรรัตน์ กฤตยานวัช ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ พร้อมด้วยผู้บริหารเขตหลักสี่ ร่วมพิธีแถลงข่าว “โครงการสำมะโนประชากรและเคหะล่วงหน้า (กทม.) พ.ศ. 2552” ซึ่งนางธนนุช ตรีทิพยบุตร เลขาธิการสถิติแห่งชาติ เป็นประธานแถลงข่าวฯ ณ โรงแรมแกรนด์มิราเคิล เขตหลักสี่
นางสาวอมรรัตน์ เปิดเผยภายหลังร่วมพิธีแถลงข่าวว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติได้กำหนดจัดทำสำมะโนทดลองในกรุงเทพฯ และได้เลือก 51 พื้นที่ในเขตหลักสี่ ได้แก่ ชุมชนอยู่ดีมีสุขร่วมใจ ชุมชนก้าวหน้า ชุมชนหลักสี่-พัฒนา คอนโดบ้านสวนรัชธานี คอนโดพูนทิพย์ หมู่บ้านวิสต้าปาร์ค หมู่บ้านราณี เพื่อดำเนินการดังกล่าวในช่วง 29 ม.ค.-15 ก.พ. 52 เนื่องจากพื้นที่เขตหลักสี่เป็นพื้นที่ชานเมืองซึ่งมีรูปแบบสังคมที่หลากหลาย ทั้งรูปแบบชุมชน-ชานเมือง หมู่บ้านจัดสรร และสังคมที่อาศัยอยู่รวมกันในอาคารสูง เช่น คอนโดหรืออาพาทเม้นต์ โดยระหว่างวันที่ 29-31 ม.ค.52 และ 8,15 ก.พ. 52 สสช.กำหนด Road Show ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับรู้ และเข้าใจถึงประโยชน์ของการทำสำมะโนประชากรและเคหะของประเทศ สร้างความเข้าใจและดึงความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ โดยสำนักงานเขตหลักสี่ได้มอบหมายให้ฝ่ายพัฒนาชุมชนฯ ประสานความร่วมมือกับ สสช.อย่างเต็มกำลัง เพื่อให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จลุล่วงด้วยดี พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ให้ข้อมูลที่เป็นจริง เพื่อให้การทดลองจัดทำสำมะโนประชากรฯ เป็นข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์มากที่สุด
ด้านนางธนนุช ตรีทิพยบุตร เลขาธิการสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติจะจัดทำสำมะโนประชากรและเคหะทดลองใน กทม. ช่วงวันที่ 1-28 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อทดสอบการเก็บข้อมูลในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น คอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ หมู่บ้านจัดสรร และชุมชนเมือง สำหรับการเลือกทดลองในพื้นที่ กทม. จะทำให้รู้สถานภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเขตเมืองใหญ่ที่มีความเจริญ มีผู้ย้ายถิ่นฐานเข้ามามาก มีความเป็นอยู่หลากหลาย และเข้าถึงยาก รวมทั้งมีปรากฏการณ์ความหนาแน่นของประชากรช่วงกลางวันและกลางคืนในเมืองแตกต่างกัน เนื่องจากในเวลากลางวันคนทำงาน คนเรียนหนังสือ แต่ในเวลาเย็นกลับบ้านในจังหวัดรอบ ๆ กรุงเทพฯ อีกทั้งประชากรที่อยู่ในกรุงเทพฯ จำนวนมากไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาในกรุงเทพฯ จึงจำเป็นต้องมีการทำสำมะโนประชากรและเคหะเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนภาพที่เป็นจริง อันจะให้หน่วยงานภาครัฐสามารถนำไปใช้ในการวางแผนจัดหาสาธารณูปโภค จัดบริการด้านสาธารณสุขให้เพียงพอสอดคล้องกับจำนวนคนที่อยู่จริง ในแต่ละพื้นที่ เช่น จัดเตรียมวัคซีนให้เพียงพอกับทารกและเด็ก จัดเตรียมครูและโรงเรียนให้เหมาะสม จัดเตรียมเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุ ตลอดจนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมได้อย่างถูกต้อง เพียงพอและเหมาะสม ทั้งนี้หลังจากการทำสำมะโนฯ ในพื้นที่ กทม. เสร็จแล้วจะมีการทบทวนกระบวนการจัดทำสำมะโนอีกครั้ง โดยนำบทเรียนที่ได้รับครั้งนี้เพื่อเตรียมการทำสำมะโนประชากรทั่วประเทศในปี 2553 ต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
โทร. 02 5761442