SET Note ระบุไตรมาส 1 ปี 2549 บจ.ลงทุนเพิ่มเกือบร้อยละ 30

ข่าวทั่วไป Friday June 2, 2006 11:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 มิ.ย.--ตลท.
สายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยข้อมูลจาก SET Note Corporate Update รายงานภาพรวมของบริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 1 ปี 2549 โดยระบุว่าบริษัท จดทะเบียนไม่รวมกลุ่มการเงินและ REHABCO มีการลงทุนเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดรวมเงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวรกว่า 81,000 ล้านบาท และเน้นการลงทุน ในกลุ่มทรัพยากรเป็นหลัก เผยบจ.เน้นการระดมทุนจากผลการดำเนินงานภายในบริษัทเอง
ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานวิจัยและข้อมูลสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยรายงาน SET Note Corporate Update ว่า ภาพรวมการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่าร้อยละ 89 ของบริษัทจดทะเบียนมีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้น โดยคิดเป็นเม็ดเงินสุทธิ กว่า 81,000 ล้านบาท ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะบริษัทที่มีอยู่เดิม ณ ไตรมาสเดียวกันของ ปีก่อนพบว่ามีอัตราการขยายตัวเกือบร้อยละ 30 ซึ่งเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ยกเว้นกลุ่มบริการที่ลดลงร้อยละ 40 โดยพบว่า การลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของกลุ่มทรัพยากรเป็นหลัก
“ในไตรมาส 1 ปี 2549 กลุ่มทรัพยากรเป็นกลุ่มที่มีบริษัทนำเงินมาลงทุนสูง โดยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของกลุ่มทรัพยากรเพียงกลุ่มเดียว มีมูลค่าสุทธิกว่า 36,000 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 46 ของการลงทุนใหม่ทั้งหมด มีเฉพาะกลุ่มบริการที่ลงทุนในสินทรัพย์ถาวรลดลงในเกือบทุกหมวด ยกเว้นหมวดการ ท่องเที่ยวที่มีการลงทุนเพิ่มสวนทางกับกลุ่ม เนื่องจากลงทุนเพิ่มกว่าเท่าตัวหรือร้อยละ 117 โดยหมวดที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรลดลงมากที่สุดคือ หมวดบริการเฉพาะกิจ และหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ที่ ลดลงกว่าร้อยละ 51 และ 63 ตามลำดับ” ดร. เศรษฐพุฒิกล่าว
นอกจากนี้ รายงาน SET Note ยังได้ระบุว่าจากการวิเคราะห์งบกระแสเงินสด พบว่าแหล่งที่มาของเงินลงทุน โดยส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดรับจากกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัทเอง ยกเว้นหมวดธุรกิจการเกษตรในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ที่แม้จะมีการเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรกว่าเท่าตัว แต่ยังคงต้องพึ่งพาแหล่งเงินจากภายนอกสุทธิกว่า 4,500 ล้านบาท
ผู้ช่วยผู้จัดการกล่าวต่อว่า “ในไตรมาส 1 ปี 2549 บริษัทจดทะเบียนมีกระแสเงินสดรับจากการดำเนิน กิจกรรมกว่า135,000 ล้านบาทและบริษัทในแทบทุกกลุ่มได้นำเงินในส่วนนี้ไปลงทุนกว่า 87,000 ล้านบาทโดยเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรกว่า 81,000 ล้านบาท ชี้ให้เห็นว่าบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีการ ลงทุนจากกระแสเงินสดที่มาจากการดำเนินงานของบริษัทเอง โดยไม่ได้กู้ยืมเงินจากระบบธนาคารมากนัก แสดงถึงความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่ม ”
สำหรับกระแสเงินสดจากกิจกรรมทางการเงินนั้นส่วนใหญ่เป็นกระแสเงินสดรับ-จ่ายจากธุรกรรมการออกหุ้นกู้และตราสารหนี้ ในขณะที่ธุรกรรมการกู้ยืมหรือชำระคืนหนี้แก่ธนาคารมีไม่มากนัก
“กระแสเงินสดจ่ายของบริษัทมาจากการชำระคืนหุ้นกู้และตราสารหนี้ระยะยาวกว่า 44,000 ล้านบาท ในขณะที่มีกระแสเงินรับจากธุรกรรมเดียวกันประมาณ 24,000 ล้านบาท โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างเป็นกลุ่มที่มีธุรกรรมการออกหุ้นกู้และตราสารหนี้ระยะยาวสูงกว่า 23,000 ล้านบาทและเป็นกลุ่มที่ได้ชำระคืนหุ้นกู้ 27,000 ล้านบาท ในขณะที่ยอดเงินกู้สุทธิจากสถาบันการเงินมีเพียง 9,000 ล้านบาท ซึ่งกว่าครึ่งเป็นการกู้โดยกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารกว่า 4,000 ล้านบาท ”
ดร.เศรษฐพุฒิกล่าว
สำหรับการระดมทุนในไตรมาส 1 ปี 2549 นั้น บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ รวมมูลค่ากว่า 17,400 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 15 โดยมีการระดมทุนในรูปแบบของการจำหน่ายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือไอพีโอ (Initial Public Offering) ทั้งหมด 2,700 ล้านบาท และอีกกว่า 14,700 ล้านบาทเป็นการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนเดิม ได้แก่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยกลุ่มที่มียอดการระดมทุนในไตรมาส 1 มากที่สุดเป็นมูลค่า 8,600 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของยอดระดมทุนโดยรวม รองลงมาคือกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีมูลค่าการระดมทุน 4,900 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 30 ในขณะที่กลุ่มทรัพยากรซึ่งมีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรสูงสุดแทบจะไม่มีการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์
ส่วนประสิทธิภาพของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่รวมกลุ่มการเงินและ REHABCO ลดลงเล็กน้อย โดยอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) และประสิทธิภาพการใช้ทุน (ROCE) อยู่ ณ ระดับร้อยละ 19.4 และ 18.3 อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านการเงินของบริษัทยังอยู่ในระดับต่ำ โดยมีอัตราส่วนหนี้ ต่อทุน (debt to equity ratio) ที่ 1.2 เท่า และความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (interest coverage ratio ) ยังอยู่ในระดับที่ดีคือ 9.1 เท่า
“การที่บริษัทลดภาระหนี้สินมาโดยตลอดนั้น ทำให้ความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยไม่สูงนัก ตัวอย่างเช่น หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 แล้ว ความสามารถในการชำระดอกเบี้ยของบริษัทก็จะอยู่ประมาณ 7.2 ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี” ผู้ช่วยผู้จัดการกล่าวเสริม
สำหรับผู้สนใจรายละเอียด SET Note Corporate Update ติดตามเพิ่มเติมที่ http://www.set.or.th/th/products_services/research/files/setnote_corp_update_q2_2006_th.pdf
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์
โทร. 0-2229 — 2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ