กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--ตลท.
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนไทยที่เดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 13-14 กรกฎาคม 2549 เพื่อนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนชาวสิงคโปร์ในงาน Thai Equity 2006: Investor Forum” เปิดเผยว่า ข้อมูลสำคัญที่คณะผู้แทน จากกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัทจดทะเบียนชั้นนำ ทำความเข้าใจและชี้แจงกับนักลงทุนในการโรดโชว์ครั้งนี้ คือ ความคืบหน้าของสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ข้อมูลและนโยบายด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งข้อมูล ผลประกอบการและโอกาสทางธุรกิจของบริษัท
“โครงสร้างเศรษฐกิจของไทยยังแข็งแรงและมีพื้นฐานที่ดี โดยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ในครึ่งปีแรกยังคงเติบโตถึงประมาณร้อยละ 5.5 โดยไตรมาสแรกโตขึ้นร้อยละ 6 และไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ ร้อยละ 5 ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังการเติบโตทางเศรษฐกิจอาจจะชะลอลงบ้าง จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกของปี ซึ่งเริ่มส่งผลทำให้การส่งออกในครึ่งปีหลังลดลงไปบ้าง ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นมา ทำให้การบริโภคของภาคประชาชนลดลง” นายทนงกล่าว
สำหรับประเด็นสถานการณ์ด้านการเมืองซึ่งเป็นที่สนใจของนักลงทุนอยู่นั้น ได้ยืนยันกับนักลงทุนว่าทุกอย่าง ดำเนินการตามระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น เป็นเรื่องปกติของระบบประชาธิปไตย ที่ในต่างประเทศ ก็มีเช่นกัน ซึ่งไม่มีใครอยากเห็นความรุนแรง แม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกันบ้างก็ตาม ซึ่งหากเราผ่านสถานการณ์ในครั้งนี้ไปได้ การเมืองของไทยจะแข็งแรงมากขึ้น และเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ได้ภายใน ปี 2549 นี้
นายทนง กล่าวต่อว่า “การโรดโชว์ครั้งนี้เป็นสร้างความเข้าใจและให้ข้อมูลที่แท้จริงกับนักลงทุน โดยเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีมุมมองเหมือนกับรัฐบาลไทย เห็นได้จากตัวเลขการลงทุนสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย ที่ยังเป็นบวกอยู่ แม้จะมีการไหลออกมาบ้างก็ตาม โดยผลประกอบการของ บจ. โดยรวมยังดีอยู่ อย่างเช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ยังสามารถทำกำไรได้ดี”
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การนำบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่มาร่วมโรดโชว์ที่สิงคโปร์ครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะได้รับความสนใจจากทั้งสถาบันลงทุนขนาดใหญ่ที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึง 34 ราย และมีการชี้แจงข้อมูลแบบเจาะลึกระหว่างบริษัทจดทะเบียนและกองทุนถึง 141 รอบ อาทิ Goldman Sachs Singapore , Government of Singapore Investment Corporation , HSBC Investment Holdings และ UBS Global Asset Management (UK) เป็นต้น โดยมีผู้เข้าร่วมฟังข้อมูลในงาน 60 คน ตลอดจนได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนต่างประเทศ ในการติดตามและรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง
“คำถามของนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ผลกระทบทางการเมือง ภาวะราคา น้ำมัน และสถานการณ์ต่างประเทศที่มีต่อการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจและเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ไทย ยังคงมีความน่าสนใจเนื่องจากราคาหลักทรัพย์ยังค่อนข้างต่ำ โดยมีค่าพีอีเรโชประมาณ 9 เท่า ในขณะที่ตลาดอื่นในภูมิภาคอยู่ที่ระดับ 15 ถึง 20 เท่า และตั้งแต่ต้นปี 2549 (3 มกราคม—13 กรกฎาคม) ยังมียอดการซื้อสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติสูงถึงเกือบ 72,000 ล้านบาท ถึงแม้ว่านักลงทุนจะกังวลอยู่กับสถานการณ์ต่างประเทศ และภาวะราคาน้ำมันก็ตามทั้งนี้ถ้าสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นก็น่า ที่จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้จัดงาน กล่าวว่า ความสนใจของการโรดโชว์ครั้งนี้ อยู่ที่การชี้แจงของ รมว.คลัง เนื่องจากนักลงทุนต้องการเข้ามาหาข้อมูล เพื่อนำไปตัดสินใจในการลงทุน โดยที่ผ่านมาประเทศต่าง ๆ จะจัดโรดโชว์ต่อเมื่อมีข่าวดี แต่เรามองว่าในช่วงที่สถานการณ์ไม่ดี จะเป็นช่วงที่นักลงทุนต้องการข้อมูลมากที่สุด ดังนั้น เราควรยอมรับความเป็นจริง และให้ข้อมูลนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว
“กองทุนต่างประเทศทั้ง 34 แห่งที่เข้ามาฟังข้อมูลในการโรดโชว์ครั้งนี้ มีมูลค่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยรวมกันมากกว่า 50% ของมูลค่าการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติทั้งหมด โดย บจ. ของไทยที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากที่สุดจากจำนวนทั้งหมด 10 บริษัท คือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) และ บริษัท เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งมีจำนวนรอบการให้ข้อมูลแก่นักลงทุนถึงบริษัทละ 18 ครั้ง”
ส่วนบริษัทจดทะเบียนรายอื่น ๆ อาทิ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) ธนาคารกรุงไทย บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน ) และ ธนาคารทหารไทย จำกัด โดยเฉลี่ยมีการให้ ข้อมูลมากกว่า 10 รอบ
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797