กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--ปตท.
ดร.ปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฎิบัติการกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลายและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมีมติอนุมัติ ให้มีการจัดเก็บภาษีสรรพาสามิตน้ำมันเบนซินและดีเซลเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้ราคาขายปลีกในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 1.55 บาทต่อลิตร มีผลในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นั้น ทำให้ผู้บริโภคเข้ามาเติมน้ำมันเป็นจำนวนมาก และเกิดความกังวลว่าอาจเกิดการขาดแคลน ซึ่ง ปตท. ยืนยันว่าได้จัดส่งน้ำมันให้สถานีบริการอย่างเต็มที่ ไม่มีการกักตุน และกำชับให้สถานีบริการจำหน่ายน้ำมันตามปกติ แต่หลีกเลี่ยงการจ่ายน้ำมันให้กับผู้ซื้อคราวเดียวกันในปริมาณมาก เพื่อให้ผู้บริโภคมีการเฉลี่ยซื้อกันได้อย่างอย่างทั่วถึง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ปตท. ได้มีการเตรียมการเพิ่มการจัดส่งน้ำมันในปริมาณที่สูงขึ้น เพื่อรองรับกับความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้นกว่าเดิมมาก โดยในช่วงระหว่างวันที่ 26 — 30 มกราคม 2552 มีการจัดส่งน้ำมันเบนซินเพื่อจำหน่ายในปริมาณ 8.5 ล้านลิตร/วัน จากเดิมที่จัดส่งอยู่ 7 ล้านลิตร/วัน สูงขึ้นถึงร้อยละ 21 สำหรับน้ำมันดีเซลมีการจัดส่งเพื่อจำหน่ายในปริมาณ 24 ล้านลิตร/วัน จากเดิมที่จัดส่งอยู่ 15 ล้านลิตร/วัน สูงขึ้นถึงร้อยละ 60 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ 30 มกราคม นี้ มียอดจำหน่ายน้ำมันเบนซินสูงถึง 9 ล้านลิตร/วัน ส่วนน้ำมันดีเซลมียอดจำหน่ายสูงถึง 32 ล้านลิตร/วัน นับว่าเป็นช่วงที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์
ดร.ปรัชญา กล่าวว่า จากสถานการณ์ความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้นผิดปกติในช่วงนี้ อาจทำให้มีบางสถานีบริการฯมีน้ำมันจำหน่ายไม่เพียงพอแก่ผู้บริโภคในบางช่วงเวลานั้น คาดว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่ง ปตท. ได้เพิ่มรถขนส่งไปยังสถานีบริการน้ำมันต่างๆ ในขณะที่ทุกคลังน้ำมันเปิดจำหน่ายและให้บริการขนส่งเพื่อให้เพียงพอแก่ความต้องการของผู้บริโภค
อนึ่งการปรับราคาขายปลีกในครั้งนี้ ภาครัฐได้มีการสอดส่องควบคุมไม่ให้มีการกักตุน รวมถึงมีการตรวจวัดปริมาณสำรอง ณ สถานีบริการน้ำมัน จึงขอให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าสถานีบริการน้ำมันของ ปตท.จะมีการจำหน่ายน้ำมันตามปกติ
โทรศัพท์ 0 25372538 /โทรสาร 0 25372572
ส่วนสื่อสารธุรกิจน้ำมัน ฝ่ายสื่อสารองค์กร