กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--บีโอไอ
กระทรวงอุตสาหกรรม จัดเวทีใหญ่ให้นายกรัฐมนตรีปาฐกถาพิเศษ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นต่อนักธุรกิจญี่ปุ่น ซึ่งตอบรับเข้าร่วมงานเกือบ 1,000 คน ด้านรัฐมนตรีชาญชัย พร้อมด้วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการบีโอไอ เตรียมแจงนโยบายสนับสนุนการลงทุนอย่างเต็มที่ เลขาธิการบีโอไอเผย ญี่ปุ่นยังเดินหน้าลงทุนในไทย เดือนมกราคมมีขอรับส่งเสริมแล้ว 15 โครงการ มูลค่า 4.4 พันล้านบาท
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่ากระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 4 — 7 กุมภาพันธ์นี้ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ว่า เป็นการจัดเวทีให้นายกรัฐมนตรีสร้างความเชื่อมั่นกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากที่สุด และมีฐานการผลิตในไทยจำนวนมาก โดยนายกรัฐมนตรีจะกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “การฟื้นความเชื่อมั่นและการขับเคลื่อนประเทศไทยในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว” โดยมีนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้นำภาครัฐและเอกชนของประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมเกือบ 1,000 คน
“การเดินทางไปญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะทำให้นักธุรกิจญี่ปุ่นมีความมั่นใจต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะนายกรัฐมนตรีจะสร้างความเชื่อมั่นว่า วันนี้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และรัฐบาลก็มีนโยบายต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศเหมือนเดิม รวมทั้งจะนำเสนอนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนมาตรการป้องกันการปิดสนามบิน และการผลักดันโครงการขนาดใหญ่ โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ รวมทั้งเรื่องที่รัฐบาลจะไม่แก้ไขปรับเปลี่ยนพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจคนต่างด้าวในทางที่แย่ลง ตรงกันข้ามอาจจะมีการพิจารณาเปิดภาคบริการเพิ่มด้วย” นายชาญชัยกล่าว
ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม จะมีหน่วยงานสำคัญๆ เดินทางไปพบปะหารือ กับนักธุรกิจญี่ปุ่น ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สถาบันยานยนต์ สถาบันเหล็ก สถาบันอาหาร และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมการส่งออก และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังเชิญตัวแทนจากภาคเอกชน ขึ้นบรรยายในเวทีเดียวกันด้วย เช่น ประธานหอการค้าญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายฟูกูจิโร่ ยามาเบะ กล่าวถึงบรรยากาศการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร นายกสมาคมไทย-ญี่ปุ่น กล่าวถึงเรื่อง การเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของไทยและญี่ปุ่น นายยูทากะ คูนิโมโต้ ประธานบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย กล่าวถึงประสบการณ์การลงทุนของอายิโนะโมะโต๊ะในไทย และโอกาสท่ามกลางวิกฤต ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการบีโอไอ จะนำเสนอนโยบายส่งเสริมการลงทุนแก่นักธุรกิจญี่ปุ่น และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะนำเสนอเรื่องโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นของไทย
นายชาญชัยกล่าวด้วยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ จะพบปะหารือกับบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น อาทิ บริษัท เจเอฟอี และนิปปอน สตีล เพื่อหารือถึงการผลักดันโครงการผลิตเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูง และพบปะหารือกับบริษัทมิตซุย เทรดดิ้ง เพื่อหารือเรื่องโอกาสของผลิตภัณฑ์อาหาร รวมทั้งจะเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานของ อายิโนะโมะโต๊ะ ซึ่งขณะนี้ อายิโนะโมะโต๊ะ ในประเทศไทย มีแผนที่จะขยายการลงทุนด้านอาหารด้วย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยปลัดกระทรวง และเลขาธิการบีโอไอ จะพบปะหารือกับผู้นำของธนาคารญี่ปุ่น ที่เป็นเครือข่ายในการส่งเสริมให้บริษัทญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทย อาทิ ธนาคารยูเอฟเจ ธนาคารซูมิโตโมมิตซุย และธนาคารมิซูโฮ และพบปะหารือกับกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจญี่ปุ่น หรือ เจแปน ไทยแลนด์ บิสิเนส ฟอร์รัม ซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจชั้นนำที่เคยมาทำงานที่ประเทศไทย และกลับไปรวมกลุ่มกันที่ญี่ปุ่นเพื่อช่วยส่งเสริมให้นักธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทย
ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยในปี 2551 การลงทุนจากญี่ปุ่นที่ขอรับการส่งเสริมมีจำนวน 324 โครงการ (ร้อยละ 40 ของจำนวนโครงการต่างชาติทั้งหมด) และมีมูลค่า 102,994 ล้านบาท (ร้อยละ 35 ของมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติทั้งหมด) โดยโครงการลงทุนขนาดใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ รองลงมาได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ และชิ้นส่วน Hard Disk Drive
สำหรับในเดือนมกราคม 2552 การลงทุนจากญี่ปุ่นที่ขอรับส่งเสริมมีจำนวน 15 โครงการ เงินลงทุนรวม 4,424 ล้านบาท โดยมีโครงการขนาดใหญ่เกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 2 โครงการคือ บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล และบริษัท กระจกไทยอาซาฮี
INVESTMENT SERVICES CENTER
THE BOARD OF INVESTMENT
MINISTRY OF INDUSTRY
555 ถ.วิภาวดีรังสิต จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร 0 2537- 8111 , 0 2537- 8155
555 Vipavadee Rangsit Road, Jatuchuck 10900 Tel. 0 2537- 8111, 0 2537- 8155 Fax : 0 2537-8177