กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังในการกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากสภาวการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง ในช่วงปี 2552 ซึ่งมีความจำเป็นที่กระทรวงการคลังจะต้องจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม เพื่อนำมาสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยกระทรวงการคลังจะดำเนินการเจรจาทาบทามการกู้เงินจากต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ทางการ 3 แหล่ง ได้แก่ ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และ องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) โดยมีวงเงินกู้ประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่าประมาณ 70,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุนในโครงการพื้นฐานภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มการจ้างงานของรัฐบาล โดยมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการดำเนินงาน ดังนี้
1. วัตถุประสงค์โครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
เป็นโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน ดังนี้
1.1 เพื่อเป็นการเพิ่มทุนให้กับสถาบันการเงินของรัฐสำหรับรองรับการขยายสินเชื่อตามนโยบายของรัฐบาล ในการขยายสินเชื่อให้แก่ผู้ส่งออก ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการค้ำประกันให้แก่ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการรายย่อย
1.2 เพื่อการลงทุนในโครงการภาครัฐเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคมที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเพิ่มผลิตภาพ (productivity) ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม (กรอบระยะเวลาดำเนินงานไม่เกิน 36 เดือน)
1.3 เพื่อสนับสนุนโครงการ แผนงานและ/หรือกิจกรรมตามนโยบายของรัฐบาลที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายหรือให้ความเห็นชอบ
2. แนวทางการกลั่นกรองและกำกับติดตามโครงการ
เพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกโครงการสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังนำเสนอกรอบและหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรเงินกู้สำหรับโครงการต่างๆ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองและกำกับติดตามโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยมี ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สินเป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อพิจารณาลำดับความสำคัญและรายละเอียดของโครงการเพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ต่อไป นอกจากนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะมีหน้าที่ในการกำกับติดตามการดำเนินโครงการ และ การเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และกรอบการดำเนินงานที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี รวมทั้งรายงานความคืบหน้าโครงการและผลการเบิกจ่ายเงินกู้ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย
โดยที่การกู้เงินดังกล่าวเป็นการกู้เงินจากองค์กรระหว่างประเทศซึ่งมีผลผูกพันต่อการใช้งบประมาณในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ โดยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 190 วรรคสอง ได้กำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนที่จะมี การลงนามผูกพันในหนังสือสัญญาที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดให้รัฐสภาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน คณะรัฐมนตรีจึงได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังจัดทำกรอบการเจรจา วัตถุประสงค์การกู้เงินและดำเนินการนำเสนอกรอบการเจรจาดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบในโอกาสแรกด้วย
สำนักบริหารการระดมทุนโครงการลงทุนภาครัฐ
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
โทร. 02-2658050 ต่อ 5708