กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--พีอาร์ บูม
สมาคมนายหน้าฯ เตรียมเข้าพบรมต.คลัง ยื่นข้อเรียกร้องมาตรการด้านภาษีครอบคลุมธุรกิจบ้านมือสอง เผยจำนวนบ้านมือสองทั่วประเทศกว่า 300,000 หน่วย วอนรัฐเห็นใจขยายความช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการและประชาชน มั่นใจธุรกิจบ้านมือสองช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นพ.สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงมติของคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ภายในปี 2552 ให้ได้รับการยกเว้นภาษีโดยสามารถนำเงินต้นจากการซื้อบ้านมาหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายเพิ่มได้เท่ากับมูลค่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 300,000 บาท เพิ่มเติมจากที่ให้หักค่าลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมซื้อบ้านเป็นจำนวนไม่เกิน 100,000 บาท ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการที่จะช่วยให้ประชาชนตัดสินใจซื้อบ้านภายในปีนี้มากขึ้น
แต่มาตรการดังกล่าวช่วยเหลือเฉพาะประชาชนที่ตัดสินใจซื้อบ้านใหม่เท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมือสอง ทั้งที่บ้านมือสองนั้นเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีจุดเด่นที่แตกต่างจากบ้านใหม่ ที่สำคัญปัจจุบันนี้จำนวนบ้านมือสองทั่วประเทศมีอยู่ในตลาดไม่น้อยกว่า 300,000 หน่วย ซึ่งอยู่ในการดูแลของ 3 ภาคส่วนใหญ่ ๆ ดังนี้ 1) บ้านมือสองซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมบังคับคดี 2) บ้านมือสองที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐและเอกชน รวมทั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ของธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ 3)บ้านมือสองที่เป็นทรัพย์ของประชาชนที่ต้องการขาย เนื่องจากต้องการซื้อบ้านหลังใหม่ หรือเพื่อแก้ปัญหาทางด้านการเงิน
นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงผู้ซื้อบ้านมือสอง จะสามารถช่วยได้ทั้งผู้ประกอบการ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่รับผิดชอบในการขายทอดตลาด รวมทั้งประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านมือสอง ที่สำคัญมาตรการด้านภาษีจะมีส่วนทำให้จำนวนบ้านมือสองในตลาดลดลง
“ปัจจุบันบ้านมือสองได้รับการยอมรับจากประชาชนมากขึ้น ทั้งเรื่องทำเลที่อยู่ใกล้เมืองทำให้ประหยัดพลังงานและเวลาในการเดินทาง รวมทั้งมีความหลากหลายด้านราคา รูปแบบบ้านฯลฯ หากรัฐบาลให้ความสำคัญและกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น จะมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง เนื่องจากการซื้อ-ขายบ้านมือสอง ทำให้เจ้าของบ้านนำเงินออกมาใช้จ่าย ในขณะที่ผู้ซื้อบ้านจะต้องมีการปรับปรุง ซ่อมแซม ก่อสร้างต่อเติมฯลฯ ทำให้เกิดการจ้างงานและการหมุนเวียนของธุรกิจอื่น ๆ ตามมา หากรัฐต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจถึงประชาชนอย่างแท้จริง สมควรที่จะให้มาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงบ้านมือสองด้วย” นพ.สมศักดิ์ กล่าว
และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เร็ว ๆ นี้ กำลังจะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อยื่นจดหมายเรื่องมาตรการส่งเสริมตลาดบ้านมือสอง ตามคำสั่งกระทรวงการคลังเมื่อ 21 ตุลาคม 2548 ตามมติครม.ในเรื่องการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และ พ.ร.บ.นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง เพื่อให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของธุรกิจบ้านมือสอง และเป็นการช่วยคุ้มครองดูแลประชาชนผู้ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท พีอาร์ บูม จำกัด
คุณแพรวทิพย์ 081-808-5910
Email: prboom_09@yahoo.com