กรุงเทพฯ--5 ก.พ.--บีโอไอ
กระทรวงอุตสาหกรรมเผยผลการเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่ญี่ปุ่นวันแรก บริษัทนิปปอน สตีล และเจเอฟอี ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของญี่ปุ่น ยืนยันต้องการเข้ามาลงทุนผลิตเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังสามารถเจรจาประสานความร่วมมือระหว่างกลุ่มเอสเอ็มอีไทยกับญี่ปุ่น และอุตสาหกรรมอาหารกับกลุ่มมิตซุย
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่ากระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลการเดินทางไปชักจูงการลงทุน ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันแรก (5 กุมภาพันธ์) ว่า กิจกรรมส่วนใหญ่ในวันนี้ เป็นการพบปะหารือกับภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่น ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมมีความพอใจกับการหารือในช่วงเช้าของวันแรกเป็นอย่างมาก เพราะนักธุรกิจญี่ปุ่นต่างแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเหมือนเดิม รวมทั้งต้องการร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนของไทย ในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในการพบปะหารือกับนายเท็ตสึโอะ อิมากูโบะ รองประธานบริษัท นิปปอน สตีล และนายฮารูยูกิ อิมามูระ รองประธานบริษัท เจเอฟอี สตีล นั้น กระทรวงอุตสาหกรรมได้ยืนยันว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้โครงการเหล็กต้นน้ำเกิดขึ้นในประเทศไทยให้ได้ รวมทั้งได้รายงาน ถึงความคืบหน้าของการผลักดันโครงการ เช่น บีโอไอกับสถาบันเหล็กได้ร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกบริษัทที่จะเข้ามาดำเนินโครงการ รวมทั้งการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 ชุด เพื่อดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องมวลชนสัมพันธ์ และเรื่องประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งทางบริษัทนิปปอน สตีล และเจเอฟอี สตีล ต่างพอใจกับจุดยืนของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันโครงการอย่างจริงจัง
“แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตเหล็กของญี่ปุ่น จะกังวลเรื่องผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่เราได้ชี้แจงให้เขามั่นใจว่า ช่วงเวลาในขณะนี้ เหมาะที่จะไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะค่าเงินเยนก็แข็งตัว ต้นทุนต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งเมื่อเริ่มดำเนินโครงการในตอนนี้ อีก 2 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวก็จะสามารถผลิตเหล็กสนองความต้องการได้ทันที และภายหลังจากเดินทางกลับไปประเทศไทย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ทันที เพื่อให้สามารถเร่งรัดการดำเนินการต่างๆ ให้โครงการเหล็กต้นน้ำเกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้ จะมีความชัดเจนเรื่องพื้นที่ตั้งโครงการ และบริษัทที่จะเข้ามาลงทุน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว
นายชาญชัยกล่าวถึงการพบปะกับ นายโกตะ โอฮาชิ รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ หน่วยอาหารและค้าปลีก ของบริษัท มิตซุย เทรดดิ้ง ว่า ปัจจุบันผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร จึงอยากให้ประเทศไทยเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์และสร้างความไว้วางใจจากผู้บริโภคในด้านคุณภาพและความปลอดภัยต่อไป และบริษัทก็พร้อมจะทำงานร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบทบาทในการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความมั่นใจในด้านมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารที่ผลิตในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยของการผลิตอาหารแก่ทุกภาคส่วนของประเทศไทย
สำหรับการหารือกับนายมิซาฮิโร มาเอดะ ประธานองค์กรส่งเสริมนวัตกรรมของกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมของญี่ปุ่น ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่า ควรมีความร่วมมือกันมากขึ้นระหว่าง เอสเอ็มอีไทยกับเอสเอ็มอีญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบัน เอสเอ็มอีญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาลงทุนในไทยแล้ว และเชื่อว่าจะมีเอสเอ็มอีญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอีก และองค์กรส่งเสริมนวัตกรรมของกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมของญี่ปุ่น ยังจะร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการนำบทเรียนของญี่ปุ่นในการส่งเสริมเอสเอ็มอี มาให้ประเทศไทยปรับใช้