กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ ประกาศการทำสัญญาซื้อกิจการ โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ จะเข้าซื้อหุ้นของ ธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ของกลุ่มบริษัทเอไอจี และคาดว่าการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนเมษายน 2552 โดยขึ้นอยู่กับการได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทยรวมทั้งที่ประชุมผู้ถือหุ้นของธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ
ในการซื้อขายครั้งนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ จะเข้าซื้อหุ้น 99.5% ใน ธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และ 100% ในบริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ในราคารวมประมาณ 2,055 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลง ณ วันที่ซื้อขายสำเร็จ
การเข้าซื้อกิจการสองบริษัทในครั้งนี้ จะทำให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นประมาณ 32,000 ล้านบาท จาก 745,000 ล้านบาท เป็นประมาณ 777,000 ล้านบาท และส่งผลให้ฐานสินเชื่อรายย่อยของธนาคารเพิ่มขึ้น 14% และจำนวนบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นประมาณ 222,000 บัตร
นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ กล่าวว่า “เราพอใจกับโอกาสทางธุรกิจในครั้งนี้ การเข้าซื้อธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำกลยุทธ์ที่สำคัญประการหนึ่งของธนาคารที่จะเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจปกติ และแผนการเข้าซื้อกิจการเพิ่มนี้จะยังคงดำเนินต่อไป สำหรับการซื้อกิจการในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของความคืบหน้าในเป้าหมายการเร่งขยายธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยของธนาคาร หลังจากที่ธนาคารได้ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการบริษัท จีอี แคปปิตอล ออโต ลีส จำกัด (มหาชน) ในปี 2551 ที่ผ่านมา การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้ฐานสินเชื่อเพื่อรายย่อยของธนาคารเติบโตขึ้น 14% และทำให้สัดส่วนสินเชื่อรายย่อยต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็น 36% ซึ่งจะช่วยเสริมฐานะการเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำของไทย ในขณะเดียวกัน ลูกค้าของธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ก็จะได้รับประโยชน์ในการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ครบวงจรและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ มีให้บริการอยู่”
นายชาลี มาดาน กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคาร เอไอจี เพื่อรายย่อย เป็นสถาบันการเงินที่มีคุณภาพ การเปลี่ยนผู้ถือหุ้นครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งเอไอจีและธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ ส่วนลูกค้าของเอไอจีเองก็จะได้รับประโยชน์จากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ เครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นนี้ พนักงานของเอไอจีทุกคน ยังพร้อมให้บริการที่เป็นเลิศแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นและสนับสนุนกิจการธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)และ บริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด มาโดยตลอด”
อนึ่ง แบล็กสโตน แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส ทำหน้าที่ที่ปรึกษาให้แก่เอไอจีในด้านการปรับโครงสร้างธุรกิจทั่วโลก โดยมีธนาคารดอยช์แบงก์เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และลิงค์เลเตอร์เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายฝ่ายเอไอจี ส่วนธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ มีบริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัท อัลเลน แอนด์ โอเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้
ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
บมจ. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2488 ปัจจุบันเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 745,321 ล้านบาท เป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรแก่ทั้งลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ผ่านเครือข่ายสาขา 580 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 จีอี มันนี่ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำเพื่อรายย่อยชั้นนำของโลกได้บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจและความเชื่อมั่นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับการผสานความสามารถทางธุรกิจของสององค์กร เพื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาบรรลุเป้าหมายการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย โดยปัจจุบัน จีอี มันนี่ และกลุ่มรัตนรักษ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารในสัดส่วนร้อยละ 33 และร้อยละ 25 ตามลำดับ ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ธนาคาร www.krungsri.com
ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคาร เอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด
ธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือของบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (เอไอจี) ซึ่งเป็นผู้นำด้านประกันชีวิตและประกันภัยของโลก โดยมีเครือข่ายและประกอบธุรกิจอยู่ในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
ธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เริ่มประกอบกิจการเป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อยในประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2550 สำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานครและมีสาขาอีก 10 สาขาทั่วประเทศ มีผลิตภัณฑ์และบริการทางเงินหลากหลายทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และบริการเงินฝาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ธนาคารฯ มีเงินฝากรวมทั้งสิ้น 18,600 ล้านบาท และมีมูลค่าลูกค้าสินเชื่อรวม 16,500 ล้านบาท
บริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2543 ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้ชี่อ เอไอจี คาร์ด, เอไอเอ คาร์ด, X คาร์ด, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คาร์ด และบัตรกดเงินสดจัสต์แคช ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทมีลูกหนี้การค้า 9,300 ล้านบาท และมีฐานลูกค้ากว่า 300,000 ราย
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ดร. เยาวลักษณ์ พูลทอง
ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 02 296 2443, 02 296 3729
โทรสาร 02 683 1473
อีเมล์ pyawalak@krungsri.com
ธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด
คุณดรรชนี นวลเขียว
คุณปฐมธิดา พงศ์เหล็ง
บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 081 721 4948, 089 457 1180, 02 662 2266
โทรสาร 02 204 2662
อีเมล์ duchanee@124comm.com
pathomthida@124comm.com
เอไอจี (AIG Inc.)
David Monfried
Restructuring Communications
Tel# 1 (212) 770 7205
Email: David.Monfried@aig.com
Teri Watson
Investor Relations
Tel# 1 (212) 770 3067
Email: Teri.Watson@aig.com