สรรพสามิตชี้แจงกรณีซานติก้า

ข่าวทั่วไป Tuesday February 10, 2009 08:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ก.พ.--สรรพสามิต นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมสรรพสามิต (นางสิรินุช พิศลยบุตร) ดำเนินการ 2 เรื่อง เรื่องแรกชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีซานติก้าตามที่ปรากฏเป็นข่าว เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 1 มกราคม 2552 ว่า บริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส (2003) จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของสถานบริการซานติก้ากระทำความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ โดยได้กล่าวหาว่าสถานบริการดังกล่าวหลีกเลี่ยงการชำระภาษีสรรพสามิต และให้เร่งรัดติดตามตรวจสอบสถานบริการที่เกี่ยวข้องกับภาษีสรรพสามิตโดยเร็ว นางสิรินุช พิศลยบุตร อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าภายหลังจากการตรวจสอบข้อมูลของสถานบริการซานติก้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสรรพสามิตพอสรุปได้ดังนี้ 1. สถานบริการซานติก้าได้ยื่นขอรับใบอนุญาตขายสุรา ประเภทที่ 3 ตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 และใบอนุญาตขายยาสูบที่ผลิตในประเทศและที่ผลิตในต่างประเทศ ประเภทที่ 3 ตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 ประจำปี 2547 - 2552 และระบุข้อมูลว่าเป็นร้านอาหาร/ภัตตาคาร โดยเสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราฯ ปีละ 1,650 บาท นอกจากนี้ยังเสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายยาสูบที่ผลิตในประเทศและต่างประเทศฉบับละ 20 บาท ต่อปี ซึ่งที่ผ่านมาซานติก้าได้เสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโดยถูกต้อง 2. เนื่องจากพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546 ได้กำหนดให้การจัดเก็บภาษีสถานบริการประเภทไนท์คลับ และดิสโกเธค ต้องจัดเก็บภาษีจาก “รายรับของสถานที่สำหรับดื่มกินและเต้นรำ โดยจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือใช้เครื่องเสียงหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง” ซึ่งหากสถานบริการใดมีองค์ประกอบ คือ (1) เป็นสถานที่ (ประกอบกิจการ) (2) สำหรับดื่มกินและเต้นรำ โดยจัดให้มีการแสดงดนตรี หรือใช้เครื่องเสียง หรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง (3) มีเจตนาให้มีการดื่มกินและเต้นรำ ก็ถือเป็นสถานบริการตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต และจากการตรวจสอบสถานบริการซานติก้าที่ผ่านมา ไม่พบว่าได้จัดให้มีสถานที่สำหรับเต้นรำ จึงยังไม่ถือว่าเป็นสถานบริการตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต อธิบดีกรมสรรพสามิตยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552) กรมสรรพสามิตได้เร่งรัดให้มีการดำเนินการดังนี้ 1. กรมสรรพสามิตได้ร่วมประชุมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอพยานหลักฐานและคำให้การพยานบุคคลเกี่ยวกับลักษณะการเปิดบริการของสถานบริการซานติก้า หากได้ข้อยุติว่าสถานบริการซานติก้า เป็นสถานบริการตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต จะได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญาตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต มาตรา 25 ฐาน “ไม่ยื่นคำขอจดทะเบียนสรรพสามิตภายใน 30 วันก่อน วันเริ่มให้บริการ” ซึ่งมีโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท และตามมาตรา 164 ฐาน “ไม่ยื่นแบบรายการภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี” ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องแล้วแต่พยานหลักฐานที่จะปรากฏ 2. มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกผู้บริหาร สถานบริการซานติก้า และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบการชำระภาษีสรรพสามิต หากพบว่าสถานบริการซานติก้า เป็นสถานบริการตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต จะได้ดำเนินการประเมินภาษีเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ตามมาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 โดยมีอายุความประเมินสูงสุดไม่เกินสิบปี ซึ่งเป็นการดำเนินทางแพ่งอีกทางหนึ่งด้วย 3. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทุกแห่งดำเนินการตรวจสอบการให้บริการของสถานประกอบการที่มีลักษณะเป็นร้านอาหารและภัตตาคาร หรือผับต่าง ๆ หากพบว่า มีการให้บริการที่เข้าข่ายที่จะต้องชำระภาษีสรรพสามิตสถานบริการ ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย และรายงานให้ทราบโดยด่วน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมสรรพสามิต โทร. 0 2668 6619 โทรสาร 0 2241 4778

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ