กรุงเทพฯ--27 ก.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน (RCL096A) ของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดผู้ประกอบการขนส่งทางเรือระดับภูมิภาคอันเนื่องมาจากความได้เปรียบในเรื่องขนาดของกองเรือ ความถี่ในการให้บริการ และอายุเฉลี่ยของกองเรือ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของคณะผู้บริหารและแนวโน้มของความต้องการการขนส่งสินค้าทางทะเลโดยใช้ตู้สินค้าหรือตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ความผันผวนของธุรกิจขนส่งทางเรือ การแข่งขันที่รุนแรง และแผนการลงทุนจำนวนมากในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยที่เรือของบริษัทประมาณ 69% อยู่ภายใต้ภาระจำนองกับเจ้าหนี้ซึ่งมีผลทำให้อันดับเครดิตตราสารหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กร 1 ขั้น
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานที่บริษัทจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดและสถานะทางการเงินในระดับที่ยอมรับได้ในช่วงที่แนวโน้มอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือปรับตัวลง นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงการที่ผู้บริหารของบริษัทจะรักษาวินัยในการบริหารกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินธุรกิจสำหรับการขยายกิจการและจ่ายเงินปันผลแทนการใช้เงินกู้ยืม
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทอาร์ซีแอลเป็นผู้ประกอบการกองเรือสินค้าขนาดเล็ก หรือเรือฟีดเดอร์ (Feeder) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จากข้อมูลทางสถิติของการท่าเรือสิงคโปร์และตัวแทนในท้องถิ่นของบริษัท บริษัทมีส่วนแบ่งสูงที่สุดในตลาดเรือขนส่งสินค้าขนาดเล็กระหว่างท่าเรือย่อยกับเรือเดินสมุทรในเส้นทางสิงคโปร์กับฟิลิปปินส์ กับมาเลเซีย และกับไทย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความถี่ของการให้บริการต่อสัปดาห์และขนาดของกองเรือโดยเฉลี่ยที่มีขนาดใหญ่ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าได้เป็นจำนวนมาก บริษัทยังได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการ 30 รายที่มีกองเรือขนาดใหญ่ที่สุด ปัจจุบันบริษัทมีระวางบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสิ้น 51,736 ตู้ (TEU) โดยที่บริษัทมีเรือของตนเองจำนวน 34 ลำ และมีเรือที่บริษัทเช่าระวาง 8 ลำ จากการที่มีกองเรือเป็นของตนเองเป็นส่วนใหญ่ซึ่งทำให้ง่ายต่อการจัดตารางเวลาและความถี่ในการให้บริการในขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นมีกองเรือขนาดเล็ก จึงส่งผลให้บริษัทซึ่งมีกองเรือขนาดใหญ่กว่ามีความได้เปรียบจากการมีความถี่สูงในการให้บริการ นอกจากนี้ เรือส่วนใหญ่ของบริษัทยังมีอายุน้อยโดยต่ำกว่าอายุเฉลี่ยของเรือของผู้ประกอบการอื่น ส่งผลให้บริษัทมีความได้เปรียบในเรื่องของการประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือมีลักษณะเป็นวงจรที่ขึ้นและลงเป็นอย่างมาก ซึ่งจะกินเวลารอบละประมาณ 5-6 ปี อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังๆ เริ่มมีรอบเวลาสั้นลง อัตราค่าระวางมีความผันผวนและเป็นเรื่องยากที่ผู้ประกอบการจะกำหนดเวลาในการสั่งต่อเรือใหม่ให้พอดีกับช่วงวงจรขาขึ้นของธุรกิจ อุปสงค์ของธุรกิจการเดินเรือเกี่ยวเนื่องอย่างใกล้ชิดกับภาวะเศรษฐกิจและการค้า โดยที่ภาวะเศรษฐกิจโลกจะมีผลกระทบต่อธุรกิจบริการขนส่งตู้สินค้าให้แก่ธุรกิจการเรือเดินสมุทรระหว่างทวีป (Liner Business) ในขณะที่การค้าภายในภูมิภาคเอเซียเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะมีผลเป็นอย่างมากต่อธุรกิจกองเรือฟีดเดอร์ (Feeder Business) ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือได้ถึงจุดสูงสุดของวงจรและมีอัตราค่าระวางเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2547-2548 อย่างไรก็ตาม วงจรธุรกิจได้เริ่มปรับตัวลงในปี 2549 โดยอัตรากำไรของบริษัทได้ปรับตัวลดลงสำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2549 เนื่องจากอัตราค่าระวางที่ปรับลดลงในขณะที่ต้นทุนค่าน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าบริษัทได้ลงทุนเป็นจำนวนมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่อัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทกลับปรับลดลงอย่างน่าพอใจเนื่องจากการใช้เงินสดส่วนเกินในช่วงการขยายธุรกิจของบริษัท อย่างไรก็ตาม การที่อัตราค่าระวางได้พ้นจากจุดสูงสุดไปแล้ว จึงถือเป็นความท้าทายของบริษัทในการที่จะรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนเอาไว้ให้ได้
ทริสเรทติ้งเห็นว่าการที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 จะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทอาร์ ซี แอลในระยะสั้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1 ปีก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป ทริสเรทติ้งจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะทบทวนอันดับเครดิตของบริษัทหากปรากฏว่ามีผลกระทบในระยะปานกลางต่อไป