ความรักทำให้...คนตาบอด...พบชีวิตใหม่ ทรู คอร์ปอเรชั่น สานต่อโครงการ Let Them See Love ชวนคนตาดีร่วมกิจกรรมสัมผัสโลกมืด

ข่าวทั่วไป Friday February 13, 2009 11:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--พับบลิค ฮิต การมอบความรักให้แก่กันในเดือนแห่งความรักนั้น เป็นสิ่งที่คนหลายคนให้ความสำคัญ แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังรอคอยความรักจากเพื่อนมนุษย์ นั่นคือ กลุ่มผู้ที่ตาพิการซึ่งรอการเปลี่ยนดวงตาที่ได้รับบริจาค เพื่อจะได้มีชีวิตใหม่ในโลกแห่งการมองเห็น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จึงร่วมกับ ศูนย์ดวงตา และ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย รณรงค์ให้คนในสังคมร่วมกันบริจาคดวงตาและอวัยวะ เป็นการนำพลังความรักจากเพื่อนมนุษย์มามอบให้คนตาพิการ ได้มีโอกาสมองเห็น ในโครงการ Let Them See Love 2009 ซึ่งจัดงานแถลงข่าวเกี่ยวกับโครงการนี้ ไปเมื่อวันก่อน ณ ร้าน True Urbanpark สยามพารากอน โดยมี ผศ.พญ.ลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย, นพ.วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย มาร่วมงานด้วย โครงการนี้ป็นหนึ่งในกิจกรรมของเว็บไซต์ www.helplink.net ที่เปิดขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือกันและกันของคนในสังคม โดยเว็บไซต์นี้จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง รับบริจาคดวงตา-อวัยวะผ่านทางออนไลน์และร่วมประชาสัมพันธ์โครงการให้สมาชิกและคนทั่วไป รุ่งฟ้า เกียรติพจน์ ผู้อำนวยการด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารการตลาด ทรู คอร์ปอเรชั่นฯ กล่าวว่า ในช่วงเวลาเดือนแห่งความรักของทุกปี ทรู ร่วมกับศูนย์ดวงตาและศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย จัดโครงการ Let Them See Love เพื่อรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการให้อันยิ่งใหญ่คือการให้ชีวิตเพื่อนมนุษย์ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้จัดต่อเนื่องมาถึงปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว และยังมุ่งมั่นที่จะจัดต่อเนื่องต่อไปทุกปีในช่วงเวลาวันแห่งความรัก “เราจัดงานเพื่อรับบริจาคดวงตาและอวัยวะมา 4-5 ปีแล้ว จนกระทั่งมาร่วมมือกับสภากาชาดไทย จึงได้เกิดแคมเปญ Let Them See Love ขึ้นมา ปีนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว การที่เราจัดกิจกรรมขึ้นในช่วงวันวาเลนไทน์ เดือนแห่งความรักเพราะส่วนใหญ่คนมักจะมองความรักในแง่หนุ่มสาว หรือรักพ่อแม่ เราจึงมาคิดว่าทำยังไงจึงจะให้ความรักที่มีคุณค่าและยิ่งใหญ่ไปยังคนอีกกลุ่มหนึ่งที่หลายๆ คนอาจไม่เคยคิดถึงเขาเลย วันนี้จึงเป็นวันสำหรับเรามากเพราะทุกคนมาช่วยกันมอบความรักที่มีความสำคัญ และทำให้ชีวิตที่กำลังรอคอยความหวังอยู่เป็นจริงขึ้นมา ต้องขอบคุณพันธมิตรหลายๆ ฝ่ายที่ร่วมมือกันทำโครงการนี้ขึ้นมา สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในวันนี้ถึงแม้จะไม่ใช่เอนเตอร์เทนเม้นท์หรือสิ่งที่ตื่นเต้นที่เป็นไลฟ์สไตล์ของคนทั่วไป แต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญและเป็นชีวิตใหม่ของคนที่รอคอยความหวังจากกิจกรรมนี้อยู่” รุ่งฟ้า กล่าว แล้วก็มาถึงช่วงสำคัญของงาน คือ การเชิญแขกพิเศษทั้ง 6 ท่าน คือ คงพันธุ์ ปราโมช ณ อยุธยา, วรวิทย์ ศิริพากย์, นิทรา กิติยากร ณ อยุธยา และ 3 ศิลปิน AF ณัฐ ศักดาทร, พัดชา เอนกอายุวัฒน์, สิทธิชัย ผาบชมภู มาร่วมทดลองปิดตาใช้ชีวิตในโลกมืดกับกิจกรรม Experience World of the Blind โดยมีกล่องขนมพร้อมเครื่องดื่มใส่กล่องไว้ให้ทาน จากนั้นต้องวาดภาพคนที่เขารัก โดยใช้จินตนาการและความรู้สึกของตัวเอง เมื่อเริ่มหยิบผ้าขึ้นมาปิดตาแล้วลงมือปฏิบัติตามโจทย์ที่ให้ไว้ แค่การแกะกล่องหยิบขนมมาทาน หยิบหลอดเจาะกล่องเครื่องดื่ม และวาดภาพ เมื่ออยู่ในโลกมืด สิ่งง่ายๆ เหล่านี้กลับกลายเป็นเรื่องยากไปในทันที ทำให้ผู้ที่ทดลองปิดตาอีกหลายๆ คน ณ ที่นั้น เข้าใจถึงความลำบากของผู้พิการทางสายตาได้มากขึ้น ผศ.พญ.ลลิดา ปริยกนก ผู้อำนวยการศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย กล่าวถึงความต้องการรับบริจาคดวงตาของศูนย์ว่า ยังขาดแคลนอยู่อีกเป็นจำนวนมาก คนไข้หลายรายต้องรอดวงตาจากผู้บริจาคนานถึง 3-5 ปี จึงอยากเชิญชวนให้มีผู้มาร่วมบริจาคกันมากๆ “เห็นได้จากน้องๆ ที่ร่วมกิจกรรมปิดตาแค่ไม่กี่นาทีเขายังรู้สึกว่าแย่เลย แล้วถ้าต้องอยู่ในโลกมืดนาน 3 ปีจะเป็นอย่างไร ชีวิตจะเปลี่ยนไปแค่ไหน บางคนคงแทบอยากจะฆ่าตัวตาย จึงต้องช่วยกันหลายๆ ฝ่ายว่าทำอย่างไรถึงจะให้คนมาช่วยกันบริจาคดวงตากันมากขึ้น ซึ่งนอกจากนี้ผู้บริจาคที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังสามารถบอกญาติของผู้ที่เสียชีวิตใหม่ๆ ให้แจ้งมาที่ศูนย์บริจาคดวงตาได้อย่างช้าไม่ควรเกิน 6 ชั่วโมง จึงขอฝากไปถึงทุกท่านที่มีจิตศรัทธาอยากช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในโลกมืด ด้วยการบริจาคดวงตา เพื่อให้พวกเขาได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง” ผอ.ศูนย์ดวงตา กล่าว วิรัช จันทร์เกลี้ยง ผู้ซึ่งมีปัญหาทางสายตามาตั้งแต่กำเนิด และต้องใช้ชีวิตภายใต้การมองเห็นที่เลือนลาง และมองไม่เห็นขึ้นเรื่อยๆ มากว่า 20 ปี ในที่สุดเขาโชคดีที่ได้รับบริจาคดวงตาจากผู้มีจิตศรัทธา ปัจจุบันได้รับการผ่าตัดจนสามารถมองเห็นเหมือนคนปกติได้แล้ว “สายตาของผมจะมองเห็นลางๆ การดำเนินชีวิตลำบากมาก โดยเฉพาะตอนเรียนต้องใส่แว่นหนามาก คุณหมอได้แนะนำให้มารักษาตัวที่กรุงเทพฯ จึงมาที่ รพ.จุฬาฯ แล้วมารอรับบริจาคดวงตาที่สภากาชาดไทย ก็รออยู่ประมาณ 3-4 ปี ระหว่างที่รอก็มีความหวังครับว่าจะต้องมีผู้บริจาคแล้วเราจะได้มองเห็น แล้วในที่สุดผมก็ได้รับการผ่าตัดจนมองเห็น ซึ่งทำให้ชีวิตของผมดีขึ้นมาก ต้องขอขอบคุณผู้ที่บริจาคดวงตา รวมถึงครอบครัวของเขาด้วย สำหรับสิ่งสำคัญที่เขามอบให้กับผมครับ” วิรัช กล่าวขอบคุณเจ้าของดวงตา ที่ทำให้เขาได้พบกับชีวิตใหม่อีกครั้ง มาฟังประสบการณ์จากผู้ที่ทดลองใช้ชีวิตอยู่ในโลกมืดบ้าง วรวิทย์ ศิริพากย์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ ปัญญ์ปุริ เผยถึงความรู้สึกแรกในโลกมืดว่า รู้สึกกลัว ทั้งความไม่แน่นอน และกลัวว่าสิ่งที่มีอยู่จะหายไป ตอนที่หยิบขนมขึ้นมาทานก็อาศัยความเคยชินจากที่เคยทำ แต่คิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ จุดหมายต่างๆ ในชีวิตก็คงล่มหรือเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ถึงคนเราจะเรียนรู้ได้ตามสัญชาตญาณของมนุษย์แต่สภาพจิตใจคงแย่มาก “ตอนที่เขาให้วาดภาพคน ผมวาดภาพคุณพ่อ เรานึกออกจากที่เคยเห็นแต่เมื่อต้องแปลความรู้สึกออกมาเป็นรูป มันพูดยากจริงๆ เลยรู้สึกสงสารคนที่มองเห็นแล้วต้องมองไม่เห็น หรือคนที่มองไม่เห็นตั้งแต่กำเนิด ทำให้ไม่มีโอกาสรับรู้ในสิ่งที่เรารับรู้ เป็นบทเรียนได้ดีเหมือนกัน เรารู้อยู่แล้วว่าคนสายตาพิการเขามีชีวิตที่ลำบาก แต่ถ้าไม่เจอกับตัวเองคงไม่รู้สึกว่าแต่ละอย่าง แม้กระทั่งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เขาต้องต่อสู้กับมันทุกนาที จึงรู้สึกว่าด้านหนึ่งเราก็โชคดี อีกด้านหนึ่งเราก็ต้องช่วยเหลือคนที่ไม่มีโอกาสอย่างเราด้วย โครงการนี้ทำให้คนเข้าใจและยอมรับว่าการบริจาคดวงตาและอวัยวะไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่ช่วยสร้างชีวิตให้กับคนอื่นที่อาจไม่มีโอกาสเหมือนเรา” นิทรา กิติยากร ณ อยุธยา บรรณาธิการอำนวยการนิตยสาร Men’s Health สาวนัยน์ตาสวยที่ขออาสามาอยู่ในโลกมืดชั่วคราว กล่าวว่า รู้สึกเศร้าเวลามองไม่เห็น นอกจากนี้ยังปนเปด้วยความเหงาและเดียวดาย ซึ่งความรู้สึกนี้ชัดเจนที่สุด “รู้สึกว่ามันยากมาก ยิ่งตอนที่ต้องวาดรูปคนที่เรารักด้วยจินตนาการและหัวใจ แต่พอมองไม่เห็นทำให้ขาดความต่อเนื่องของภาพ โดยส่วนตัวแล้วจะช่วยรณรงค์ในเรื่องการบริจาคดวงตาและอวัยวะอยู่เสมอ แต่รู้สึกว่าทำไมคนบริจาคน้อยจัง จริงๆ แล้วต่ายเคยบริจาคทั้งร่างกายและดวงตาไปแล้วเมื่อ 20ปีก่อน เพราะได้แรงบันดาลใจจากคุณพ่อ คือ น.พ.พันธุ์พิษณุ์ สาครพันธ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโครงการบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะคือหัวใจและปอด คนแรกของเอเชีย จึงได้รับการปลูกฝังเรื่องนี้มาตลอด และอยากให้ทุกคนมาช่วยกันทำบุญกุศลในเรื่องนี้ด้วยค่ะ” นิทรา กล่าว ณัฐ ศักดาทร หรือ ณัฐ AF4 กล่าวถึงความรู้สึกหลังปิดตาว่า นึกถึงตอนที่บ้านไฟดับ ทำให้ต้องอยู่นิ่งๆ ไม่ค่อยกล้าเดินไปไหนเพราะไม่มั่นใจ กลัวเดินชนโน่นชนนี่ และอะไรที่เคยทำได้ง่ายๆ ก็ทำยากขึ้น “อย่างตอนที่ต้องใช้หลอดเจาะกล่องเครื่องดื่ม เรายังต้องใช้มือคลำ โชคดีที่เรามีประสบการณ์เคยทำมาก่อนจึงจินตนาการได้ว่ามันน่าจะเป็นยังไง แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนคงยากพอสมควร ถ้าผมต้องปิดตานานกว่านี้ คงเป็นชีวิตที่ยากเกินกว่าจะประเมินได้ ถ้าต้องมองอะไรไม่เห็น แบบทึบๆ ไปเลย ถามว่าอยู่ได้มั้ย คงอยู่ได้ แต่คงเป็นการใช้ชีวิตที่ยากมาก มันเหมือนขาดวิธีหนึ่งที่จะเชื่อมต่อกับโลกรอบตัวเราไป ก็อยากขอเชิญชวนทุกท่านที่อยากช่วยเหลือพวกเขาเหล่านี้ อย่างน้อยมาลองศึกษากับโครงการนี้ก่อนก็ได้ ถ้าคุณได้รับรู้รายละเอียดและสิ่งดีๆ ที่จะได้รับ คงจะมาบริจาคกันมากขึ้น” แชมป์จากเวที AF4 กล่าว ทางด้านสาวเสียงดี พัดชา AF2-พัดชา เอนกอายุวัฒน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บริจาคดวงตาเช่นกัน ได้บรรยายถึงการสัมผัสสิ่งต่างๆ ระหว่างที่ปิดตาว่า ทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น จากที่เคยใช้ชีวิตสบายๆ ต้องกลายมาเป็นใช้ชีวิตแบบต้องระวังมากขึ้น ทำให้ความสุขในชีวิตลดลงมาก “รู้สึกเหมือนชีวิตเปลี่ยนไปเลย พัดเคยได้คุยกับผู้พิการทางสายตาและผู้ที่ผ่าตัดแล้ว จึงรู้ได้ว่านอกจากชีวิตที่เปลี่ยนเพราะมองไม่เห็น คือ เราปิดตาแต่ยังมีเงินใช้ ยังมีคนคอยดูแล แต่บางคนยิ่งกว่านั้นเขาทำงานแล้วประสบอุบัติเหตุทำให้เสียการมองเห็นไป แต่เขาก็ยังต้องทำงานเพื่อเลี้ยงครอบครัว ทำให้ชีวิตเขาลำบากยิ่งขึ้นไปอีก การที่เราบริจาคดวงตาและอวัยวะ นอกจากทำให้เขาได้มองเห็นแล้ว ยังช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้นด้วย สำหรับใครที่มีความเชื่อว่าถ้าเราบริจาคอะไรไว้ เกิดมาชาติหน้าอาจจะไม่มีสิ่งนี้ อยากบอกว่า เขาไม่ได้มาเอาสิ่งที่เราบริจาคในวันนี้หรือพรุ่งนี้ หลังจากที่เราเสียชีวิตไปแล้วเราต่อยอดดีกว่า ทำให้คนที่มองไม่เห็น ได้เห็นในสิ่งที่เราเคยเห็นว่ามันสวยงาม ให้เขาได้ทำอะไรที่มีประโยชน์ต่อจากเราไปอีก ได้บุญเยอะค่ะ” นักร้องสาว กล่าว ส่วน บอย AF3-สิทธิชัย ผาบชมภู เล่าว่ารู้สึกเหงาเป็นอันดับแรก หลังจากที่สายตาเข้าสู่ความมืด ถ้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้จริงๆ คงทำอะไรไม่ถูก จะหยิบจับอะไร สิ่งที่เป็นอยู่ดูมืดมนไปหมด ทำให้รู้สึกเศร้าไปด้วย “ทำให้ผมเข้าใจได้ถึงความรู้สึกของคนพิการว่าเขาต้องลำบากมาก ไม่สามารถมองเห็นในสิ่งที่เขาชอบหรือที่เขารัก เช่น คนในครอบครัว หรืออย่างเด็ก จะเล่นของเล่น เขาคงอยากรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นยังไง ผมอยากให้ปาฏิหาริย์มีจริงเหมือนในการ์ตูน พอมีเสียง...ปิ๊งงงงง...ก็ทำให้เขามองเห็นได้ทันที อยากให้คนไทยทุกคนลองมาสัมผัสตรงนี้ ขอให้ลบความคิดเก่าๆ ที่ว่าพอบริจาคดวงตา เกิดมาชาติหน้าจะมีอวัยวะไม่ครบ ผมว่าเป็นความเชื่อที่ผิด จากที่ผมได้บวชเมื่อปีที่แล้ว และมีโอกาสคุยกับพระพี่เลี้ยง พระอาจารย์ ท่านบอกว่า การที่คนเราบริจาคอวัยวะเป็นเหมือนการสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ เกิดมาชาติหน้าก็จะดีกว่าเดิม” บอย สิทธิชัย กล่าว ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรม Experience World of the Blind สามารถไปสัมผัสประสบการณ์ในโลกมืดได้ที่ True Urbanpark สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 12-18 กุมภาพันธ์ นี้ และหากต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่จะมอบความรักให้แก่ผู้ที่ตาพิการ ด้วยการบริจาคดวงตา-อวัยวะ หรือบริจาคเป็นทุนทรัพย์ ติดตามรายละเอียดโครงการ Let Them See Love และบริจาคออนไลน์ ได้ที่ เว็บไซต์ www.helplink.net หรือรับแบบฟอร์มการบริจาคได้ที่ร้าน True Urbanpark TrueCoffee และ True Shop ทุกสาขาทั่วกรุงเทพฯ ...ความรักของคุณทุกคน อาจทำให้คนตาบอด ได้พบกับชีวิตใหม่อีกครั้ง... รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ : เพียงเพ็ญ พรายแสง 081 860 8225 อังคณา อรรจนานันท์ 081 343 4357 ศมกมล เนียมกุญชร 084 156 3737 บริษัท พับบลิค ฮิต จำกัด โทร. 02 2525699

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ