ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ “บ. ควอลิตี้ เฮ้าส์” ที่ระดับ “A-/Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 17, 2009 08:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานของบริษัทในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดบ้านจัดสรรระดับกลางถึงบน และรายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอจากเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์และอาคารสำนักงาน อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งจะส่งผลกระทบให้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ซบเซา รวมทั้งวงจรธุรกิจที่มีความผันผวน นโยบายของธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อบ้านกู้เงินได้ยากขึ้น การขยายตัวในตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงเศรษฐกิจซบเซา และการมีอัตราส่วนเงินกู้ที่ค่อนข้างสูง แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูงได้ในช่วงที่อุปสงค์ชะลอตัว โดยความสามารถในการทำกำไรคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ดีจากประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการด้านภาษีของภาครัฐ ส่วนการลงทุนนั้นคาดว่าจะลดลง โดยบริษัทจะมีการสำรองเงินสดเพื่อใช้ในการชำระหนี้และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้เพียงพอ ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะลดลงหลังจากบริษัทสามารถระบายสินค้าที่อยู่อาศัยออกไปได้ ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยซึ่งมีชื่อเสียงในกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางถึงสูง บริษัทก่อตั้งในปี 2526 โดย บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และมีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ เดือนเมษายน 2551 ประกอบด้วยกลุ่มบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (25%) และ The Government of Singapore Investment Corporation Pte. Ltd. (13%) ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากการมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดที่อยู่อาศัยราคาแพง การมีอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่มีคุณภาพซึ่งประกอบด้วยอาคารสำนักงาน “Q. House” และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ “Centrepoint” ซึ่งสร้างรายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอ และการมีโครงการบ้านจัดสรรราคาปานกลาง “Casa Ville“ ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ราคาขายที่อยู่อาศัยเฉลี่ยต่อหน่วยในโครงการทั้งหมดของบริษัทซึ่งลดลงมาอยู?ที่ 6.9 ล้านบาทแสดงถึงการเปลี่ยนกลยุทธ์ที่เน้นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางมากขึ้น ณ เดือนธันวาคม 2551 บริษัทมีโครงการที่กําลังเปิดขายรวมทั้งสิ้น 21 โครงการ โดยมีบ้านคงเหลือซึ่งมีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 19,000 ล้านบาท บริษัทมียอดขายโครงการบ้านจัดสรรคิดเป็น 89% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้ค่าเช่าจากโครงการอาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์คิดเป็น 3% และ 8% ตามลําดับสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 ทั้งนี้ ในปี 2552 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะสร้างรายได้ในปริมาณมากสำหรับปี 2553 ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 ของบริษัทบริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 7,448 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 เป็น 8,281 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2551 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทดีขึ้นอย่างชัดเจนจากการที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 18% ในปี 2550 เป็น 21% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 อันเป็นผลมาจากประโยชน์ทางภาษีของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐซึ่งช่วยผู้ประกอบการประหยัดต้นทุนได้มากถึง 4% ของราคาที่อยู่อาศัยจากการลดภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอน โดยคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะยังได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2553 เมื่อมาตรการสิ้นสุดลง นอกจากนี้ แม้ว่าหนี้สินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจาก 12,638 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2550 เป็น 13,353 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2551 แต่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นจากเงินเพิ่มทุนจำนวน 1,400 ล้านบาทที่ได้รับจากการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยอัตราส่วนดังกล่าวลดลงจาก 58.6% ณ สิ้นปี 2550 เป็น 54.9% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2551 ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมีความพร้อมในด้านสภาพคล่อง รวมถึงมีวงเงินกู้คงเหลือเพียงพอสำหรับรายจ่ายฝ่ายทุนจำนวนมากในโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จก่อนขาย 2 แห่งซึ่งมีกำหนดเปิดขายภายในปลายปี 2552 นี้ หลังจากนั้นคาดว่ายอดเงินกู้ยืมจะค่อยๆ ลดลงภายหลังจากการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมแล้วเสร็จ ทริสเรทติ้งยังกล่าวด้วยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับที่อยู่อาศัยในปีที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศและวิกฤติการณ์ทางการเงินของโลก แม้ในช่วงกลางปี 2551 อุปสงค์ของที่อยู่อาศัยจะกระเตื้องขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่บังคับใช้ในช่วงต้นปี แต่ในช่วงปลายปีก็หดตัวลงเนื่องจากปัจจัยลบหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อตลาดพร้อมๆ กัน ปัจจุบัน แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับที่อยู่อาศัยต่อไป นอกจากนี้ การที่ธนาคารหลายแห่งเริ่มมีนโยบายที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวก็ยิ่งเป็นการจำกัดความสามารถในการกู้ยืมของผู้ซื้อบ้าน แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดจะช่วยให้ผู้ซื้อบ้านสามารถนำเงินซื้อบ้านในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ก็คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะปรับตัวลดลงประมาณ 10%-20% ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งคาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 0%-2% หรืออาจหดตัวในปี 2552 ดังนั้นผู้ประกอบการควรต้องบริหารสภาพคล่องอย่างระมัดระวังและดำรงความยืดหยุ่นให้เพียงพอต่อภาระผูกพันต่างๆ ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH) อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A- อันดับเครดิตตราสารหนี้: QH097A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552 คงเดิมที่ A- QH09DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552 คงเดิมที่ A- QH107A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ A- QH10NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ A- QH113A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A- QH123A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A- QH11OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A- หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2556 คงเดิมที่ A- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (ทริสเรทติ้ง) โทรศัพท์ 0 2231 3011 ต่อ 500 โทรสาร 0 2231 3012 E-mail: rapee@tris.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ