กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--พี อาร์ เน็ตเวิร์ค คอนซัลแตนท์
หากเปรียบเส้นทางชีวิตเป็นเหมือนถนนสายหนึ่ง ต้องยอมรับว่าถนนแต่ละสายนั้น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในทางธุรกิจหลายต่อหลายคน ต่างก็พยายามฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการเพื่อก้าวสู่เป้าหมายที่ตนเองได้ตั้งไว้ ด้วยอาวุธเพียงสิ่งเดียวที่ทุกคนใช้เหมือนกัน คือ “ความมุ่งมั่น และความไม่ย่นย่อ” เพื่อให้สามารถไปถึงจุดหมายที่ตนเองใฝ่ฝันเอาไว้
แต่ละช่วงเวลาของแต่ละชีวิต เปรียบเหมือนการพลิกหนังสือแต่ละหน้า จังหวะชีวิตถูกแบ่งออกเป็นบท เป็นตอน แตกต่างกันไป บางช่วงเป็นเรื่องราวของความสุข สนุกสนานแห่งชีวิต ในขณะที่บางช่วงนำเสนอเรื่องราวของความทุกข์ และอุปสรรคต่าง ๆ นานาที่บางครั้งนำมาซึ่งความทดท้อใจที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ
แต่เมื่อผ่านชีวิตในแต่ละช่วงมาได้แล้ว และหันกลับไปมองเหตุการณ์ในอดีต สิ่งที่ได้ คือ ประสบการณ์ และข้อสรุปของชีวิต ที่จะร่วมแบ่งปันให้กับคนรุ่นหลังได้มีโอกาสเรียนรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตของตนเองต่อไป เหมือนอย่างที่ นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ... ผู้ที่ได้รับสมญาให้เป็นเจ้าพ่อในวงการธุรกิจมือถือ ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ผ่านตัวอักษร ในหนังสือ ชื่อ “ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ผม คือ JAY MART สร้างโอกาสจากวิกฤติ”
นายอดิศักดิ์ เลือกเปิดเรื่องด้วยคำคม “สร้างฝุ่น อย่ากินฝุ่น” (Make dust, don’t eat dust) อันเป็นการสะท้อนแนวคิดในการบริหารธุรกิจแบบ “ทำก่อน ได้ก่อน” ซึ่ง นายอดิศักดิ์ เลือกใช้ในการดำเนินธุรกิจ บทชีวิตของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเช่นเดียวกับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จท่านอื่น แต่ด้วยบทเรียนที่ได้รับจากการล้มลุกคลุกคลาน ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงการวางแผนที่ดี การนำประสบการณ์ต่าง ๆ มาปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการต่อสู้แข่งขันในตลาด และสารพันปัญหาที่เกิดขึ้น กอปรกับวิสัยทัศน์อันยาวไกลในการบริหารธุรกิจ ...
... วันนี้ เจ มาร์ท จึงไม่ได้มีเพียงร้านเจ มาร์ท ที่จำหน่ายมือถือ และอุปกรณ์มือถือเท่านั้น แต่ขยายไปถึง 3 กลุ่มธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ร้านขายมือถือ ที่มีเกือบ 200 สาขาทั่วประเทศไทย ศูนย์มือถือไอที จังก์ชั่น, การบริหารพื้นที่ เจ-เวนิว และ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวิร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด ดำเนินธุรกิจติดตามเร่งรัดหนี้สินในกลุ่มสถาบันการเงิน บริษัทเช่าซื้อ โอเปอเรเตอร์ non-bank โดยมีสัดส่วนของการสร้างรายได้ร้อยละ 40, 30 และ 30 ตามลำดับ
นายอดิศักดิ์ เล่าถึงชีวิตในหลายมุม ทั้งในแง่ธุรกิจ และในแง่ชีวิตส่วนตัว ทำให้สามารถสัมผัสถึงวิธีคิด และแนวทางในการบริหารจัดการธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในวันนี้ แต่ นายอดิศักดิ์ยังคงไม่หยุดนิ่ง และกำหนดเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
นายอดิศักดิ์ เปิดใจเล่าในหนังสือว่า ในอนาคตตนอยากเห็นธุรกิจ JAY MART สามารถทำรายได้ถึง 10,000 ล้านบาท จากในวันนี้ (2550) JAY MART มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ 5,800 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายในการเพิ่มทุนทางธุรกิจด้วยการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
“จริง ๆ แล้ว เจ มาร์ท จดทะเบียนบริษัทมหาชน พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 225 ล้านบาทตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ปี 2545 ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนท้วงติงเรื่องนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ผมยังยืนยันนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยเหตุผล 2 ประการหลัก คือ 1. ตลาดหลักทรัพย์ช่วยยกสถานะบริษัทให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล ผมต้องการพิสูจน์ให้เห็นระบบการทำงานแบบสากล มีวิธีบริหารจัดการอย่างโปร่งใส (Good Governance) และ 2. เงินทุนระดมจะช่วยสร้างฐานะการเงินบริษัทจากที่แข็งแรงอยู่แล้ว ให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น หลังบริษัทเข้าตลาดฯ บทบาทประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอคงเปลี่ยนไปเป็นมีส่วนร่วมในโครงการรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsible หรือ CSR) ให้มากขึ้น ตัวผมจะนำเสนอแนวคิดการทำธุรกิจใหม่ ๆ โดยยึดโยงอยู่กับกิจกรรมเพื่อสังคมออกสู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่อง”
นายอดิศักดิ์ ลาออกจากการทำงานประจำบริษัทเอกชน และเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวเมื่ออายุ 33 ปี โดยดำเนินธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อนในปี 2531 โดยได้บทเรียนจากการทำงานที่บริษัทจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าว่า ธุรกิจเงินสดเสี่ยงน้อยก็จริง แต่ Margin ต่ำ สู้เงินผ่อนไม่ได้ Margin สูงกว่า จากนั้นจึงดำเนินธุรกิจเรื่อยมาจนยักษ์ใหญ่อย่างอิออน เข้ามาทำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อนในประเทศไทย นายอดิศักดิ์ จึงปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้า ถ้าสู้ไม่ได้ให้ Joint กัน (If you cannot fight, joint with them)” ซึ่งสะท้อนให้เห็นมุมมองวิธีคิดของนายอดิศักดิ์ว่า “ในวิกฤติย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ” นายอดิศักดิ์จึงได้เข้าไปเจรจากับทางอิออนเพื่อดำเนินธุรกิจร่วมกัน
ต่อมาจึงปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่เชนสโตร์มือถือ JAY MART ปัจจุบันมีจำนวนเกือบ 200 สาขาทั่วประเทศ ตลอดจนขยายธุรกิจทั้งในเชิงลึก และในแนวกว้าง ได้แก่ ติดตามหนี้ เจ เอ็ม ที ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างทวงหนี้ให้บริษัทอิออน ผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อ บัตรเงินสด-เครดิต รวมไปถึงธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจ โดยสิ้นปี 2550 เจ เอ็ม ที มีมูลหนี้รับติดตามสูงถึง 12,000 ล้านบาท ซึ่งนายอดิศักดิ์ได้ลงทุนจัดซื้อและติดตั้งโปรแกรม เทคโนโลยีติดตามหนี้ประสิทธิภาพสูง เพื่อให้เอื้อประโยชน์ต่อการขยายธุรกิจใหม่ “บริหารหนี้”
ศูนย์มือถือไอทีจังก์ชั่น ธุรกิจบริหารให้เช่าพื้นที่ศูนย์จำหน่ายมือถือ อุปกรณ์มือถือครบวงจร และการบริหาร เจ-เวนิว ช็อปปิ้ง เซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าครบวงจรที่มีทั้งร้านจำหน่ายมือถือ สถาบันการเงิน ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านทอง โดยได้เปิดดำเนินการขึ้นบริเวณด้านหน้านิคมอุตสาหกรรมนวนครเมื่อกลางปี 2550
MR.SPEED บริการรับ-ส่งเอกสาร สินค้าภายในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ซึ่งเป็นธุรกิจรองรับธุรกิจหลักคือการติดตามหนี้ได้เป็นอย่างดี JAY MART PAY POINT ซึ่งเป็นธุรกิจบริการรับชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าไฟฟ้า ค่าประปา โปรศัพท์ สินเชื่อ เงินผ่อน เช่าซื้อ บัตรเครดิต อันเป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของสาขาให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจสูงสุด
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มธุรกิจและการบริการอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า และเพื่อประโยชน์สูงสุดให้แก่ลูกค้าเป็นสำคัญ เช่น Mobile Plus Club, Jay Mart Home Delivery 1117, Jay Mart Privilege Card เป็นต้น ทั้งนี้ โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในการแบ่งปันให้กับสังคมในโอกาสต่าง ๆ อีกด้วย
นายอดิศักดิ์ เปรียบเสมือนผู้คิดค้นนวัตกรรมทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และถือได้ว่าเป็น นักธุรกิจที่สร้างให้เกิดโมเมนตัมทางธุรกิจในปัจจุบัน จากสิ่งหนึ่งสู่สิ่งหนึ่ง และขยายไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่า
นอกจากแนวคิด และวิธีการดำเนินธุรกิจที่มีความน่าสนใจ และน่าติดตามแล้ว ในส่วนของมุมชีวิตก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ถือได้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์วิธีคิดที่ควรค่าแก่การศึกษาและประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามคมความคิด และประสบการณ์ของ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ในหนังสือ “ผมคือ JAY MART สร้างโอกาส จากวิกฤติ” โดยสำนักพิมพ์ BUSY-DAY ได้ตามร้านหนังสือทั่วไป ในราคาเพียง 195 บาทเท่านั้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
เกษลักษณ์ หาราชัย
ยุพา สดแสงสุก
ปานจิตร แสงอากาศ
พี อาร์ เน็ตเวิร์ค คอนซัลแตนท์
โทร. 02 682 9880