KTAMเปิด2ทางเลือกผู้ลงทุน ขายตราสารหนี้ทั้งใน-ตปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 17, 2009 15:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐต่างประเทศ12เดือน2 ( KTGF12M2) ในวันที่ 17-23 กุมภาพันธ์ 2552 และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6เดือน5 ( KTSIV6M5) ในวันที่ 18-24 กุมภาพันธ์ 2552 โดยกองทุน KTGF12M2 อายุโครงการ 1 ปี มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐต่างประเทศ หรือเงินฝากในสถาบันการเงินที่มีคุณภาพ เช่น ตราสารการเงินประเภท Euro Commercial Paper (ECP) หรือ Euro Medium Term Note (EMTN) ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ 3 อันดับแรกขึ้นไป ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือ บริษัทอาจพิจารณาลงทุนบางส่วนในประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝากในสถาบันการเงินตามกฎหมายไทย ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด นอกจากนี้ เงินลงทุนจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยผลตอบแทนของตราสารที่กองทุนลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4.30 - 4.80 % ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุน ส่วนกองทุนKTSIV6M5 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 2,000 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีความมั่นคงสูง และเงินฝากสถาบันการเงิน ซึ่งประกอบด้วย เงินฝาก /บัตรเงินฝาก/ตั๋วแลกเงินของธนาคารสินเอเซีย และธนาคารทิสโก้ ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 25% ลงทุนหุ้นกู้ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ตั๋วแลกเงินของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และบมจ.ปตท.อะโรเมติกส์ และการกลั่น ในสัดส่วนบริษัทละ 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่งผลให้กองทุนได้รับผลตอบแทนประมาณการที่1.70% ต่อปี ซึ่งหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุนแล้ว นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้นในประเทศอายุไม่เกิน 1 ปี ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 1.44 - 1.53%ต่อปี แม้ว่าตั๋วเงินคลังยังคงมีการเปิดประมูลใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นยังมีอยู่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกองทุนตลาดเงินและกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้พันธบัตรภาครัฐที่เน้นความมั่นคงสูง ขณะเดียวกันตลาดการเงินยังจับตารอผลประชุมของ กนง. ในวันที่ 25 ก.พ. นี้ ที่คาดว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25 -0.50% จากระดับปัจจุบันที่ 2.00% ส่วนตราสารหนี้ภาคเอกชนยังคงให้ผลตอบแทนสูง โดยเกิดจากความกังวลต่อความเสี่ยงด้านเครดิตในภาวะที่เศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว พบว่ายังมีตราสารหนี้ของบริษัทหรือสถาบันการเงินที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและสภาพคล่องที่ดี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ