กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--อัลคาเทล-ลูเซ่น
ข้อตกลงนี้ชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่อัลคาเทล-ลูเซ่นที่หันกลับเน้นตลาดไวแม็กซ์ และความมุ่งมั่นในกลุ่มลูกค้าดีเอสแอลไร้สายขั้นสูง
อัลคาเทล-ลูเซ่น (Euronext Paris และ NYSE: ALU ) ประกาศวันนี้ว่าได้รับเลือกจากบริษัท ชวนเหว่ย (กัมพูชา) จำกัดให้จัดสร้างเครือข่ายบรอดแบนด์ไร้สายไวแม็กซ์ Rev-e (802.16e-205) ซึ่งนับเป็นเครือข่ายไวแม็กซ์เครือข่ายแรกที่ติดตั้งในกัมพูชา โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในกลางปี 2552 นี้
ชวนเหว่ยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจไทยบุญรุ่ง ได้เลือกอัลคาเทล-ลูเซ่นติดตั้งโซลูชั่นให้สมาชิกประมาณหนึ่งล้านคนในกัมพูชา ซึ่งรวมถึงกลุ่มธุรกิจและองค์กรจำนวนสูงถึง 80% ของประเทศภายในระยะเวลา 2 ปี ทั้งนี้ อัลคาเทล-ลูเซ่นจะจัดโซลูชั่นเบ็ดเสร็จทั้งหมด ครอบคลุมถึงการรวบรวม การออกแบบ การติดตั้ง การตรวจสอบเพื่อมอบหมาย และบริการดูแลรักษาเครือข่ายให้แก่ชวนเหว่ย
“ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการไวแม็กซ์ Rev-e ครอบคลุมทั้งประเทศกัมพูชารายแรก ทำให้ชวนเหว่ยกลายเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางของวิถีการสื่อสารของประชากรในภูมิภาคนี้ โดยเครือข่ายไวแม็กซ์นี้นับเป็นโครงสร้างสนับสนุนการเจริญเติบโตด้านเศรฐกิจที่สำคัญของประเทศกัมพูชา ในการช่วยพัฒนาการสื่อสารประเภทต่างๆ ของธุรกิจภายในประเทศและของกลุ่มธุรกิจข้ามชาติ”นายอลัน คอฟ ประธานแห่ง ชวนเหว่ยกล่าว “นอกเหนือจากจะช่วยรองรับเข้าใช้บริการบรอดแบนด์ต่างๆ แล้ว โซลูชั่นเครือข่ายไวแม็กซ์นี้ได้รับการออกแบบให้มีคุณภาพด้านบริการตั้งแต่ต้นถึงปลายเครือข่าย (End-to-End Quality of Service) จึงทำให้สามารถรองรับการใช้งานประเภทเทเลโฟนีที่มีคุณภาพเสียงระดับสูงได้ดีอีกด้วย”
“การลงนามในสัญญาที่มีมูลค่าสูงกับชวนเหว่ยในครั้งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนถึงกลยุทธ์ของอัลคาเทล-ลูเซ่นที่กลับมาเน้นในไวแม็กซ์ในฐานะที่เป็นโซลูชั่นบรอดแบนด์ไร้สายเพื่อตอบสนองความต้องการของการใช้งานรับ-ส่งข้อมูลที่เคลื่อนที่ หยุดนิ่งและกึ่งเคลื่อนที่กึ่งหยุดนิ่ง” นายไมค์ เอียนโดโร่ ประธาน ธุรกิจเครือข่ายไร้สายแห่งอัลคาเทล-ลูเซ่นกล่าว “และเมื่อประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างเช่นประเทศกัมพูชามีปัจจัยผลักดันให้เกิดความต้องการสูง อัลคาเทล-ลูเซ่นยิ่งเห็นว่าตลาดดีเอสแอลไร้สายระดับสูงยิ่งมีอัตราการเจริญเติบโตสูงมากขึ้นในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า โดยอาจมีสมาชิกผู้ใช้บริการในไวแม็กซ์ Rev-e สูงถึง 90% ในปี 2556 และอัลคาเทล-ลูเซ่นจึงยิ่งมุ่งเน้นในการก้าวยืนในตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้อย่างจริงจัง”
ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อัลคาเทล-ลูเซ่นได้ประกาศการหันมาทุ่มทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านไวแม็กซ์เพื่อตอบสนองโอกาสทางด้านการตลาด รวมทั้งเป็นการเร่งพัฒนาดีเอสแอลไร้สาย ที่รวมถึงการใช้งานด้านข้อมูลบนอุปกรณ์เน็ทบุ๊ค อุปกรณ์อินเตอร์เน็ทเคลื่อนที่ (Mobile Internet Devices — MID) ขณะเคลื่อนที่ รวมทั้งการใช้งานจากอุปกรณ์พีซีจากที่บ้านและเมื่อกึ่งเคลื่อนที่กึ่งหยุดนิ่ง
นอกจากนี้ ในเดือนมกราคม 2551 อัลคาเทล-ลูเซ่นได้จัดตั้งศูนย์ไวแม็กซ์ (WiMAX Center) ในไต้หวันซึ่งจะช่วยเร่งพัฒนาการทำงานร่วมกันกับผู้ผลิตเทคโนโลยี 4G ในไต้หวันและเพื่อให้ผู้ให้บริการทั้งหลายสามารถมีช่องทางเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ที่หลากหลาย พร้อมเครืองมือและอุปกรณ์ที่สนับสนุนการบริการแบบไร้สายยุคใหม่ ทั้งนี้ ศูนย์ดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็น 1) ศูนย์ที่ผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้งานปลายทางสามารถทดสอบมาตรฐานอุปกรณ์ไวแม็กซ์ของตนได้ 2) มอบใบประกาศนียบัตรอุปกรณ์ (Device Certification) โดยมีผู้ค้าอุปกรณ์มากมายที่ได้รับเอกสารรับรองการทดสอบมาตรฐานดังกล่าวแล้ว อาทิ Zyxel, Quanta, Accton, D-Link เป็นต้น 3) จากนโยบายโครงการสร้างอุปกรณ์ระบบเปิด (Alcatel-Lucent Open Customer Premises Equipment — CPE) ของอัลคาเทล-ลูเซ่น จึงจัดศูนย์นี้ให้เป็นศูนย์กลางพัฒนาความร่วมมือร่วมกันและความแข็งแกร่งระหว่างองค์กรท้องถิ่นและผู้ให้บริการไวแม็กซ์ในตลาดระดับโลก ที่ผ่านมานี้ ศูนย์นี้ได้รับรองและจัดการประชุมร่วมกันระหว่างกับผู้ผลิตอุปกรณ์ในไต้หวัน ผู้ให้บริการไวแม็กซ์ในกัมพูชา ฮ่องกง มาเลย์เซีย เนเธอร์แลนด์ ยุโรป และออสเตรเลียมาแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ในงานโมบายเวิร์ดคองเกรสที่ได้จัดขึ้นณ ประเทศสปน ทั้งอัลคาเทล-ลูเซ่นและอินเทลได้ประกาศโครงการไวแม็กซ์เอ็นชัวร์ “WiMAX Ensure” ซึ่งเป็นโครงการทดสอบการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง (A Joint End-to-End Interoperability Testing: IOT) สำหรับไวแม็กซ์ Rev-e (802.16e-2005) ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ผู้ใช้งานปลายทาง การร่วมมือทดสอบระหว่างผู้ผลิตรายสำคัญในซิลิคอนวาลเล่ย์ในครั้งนี้มุ่งไปยังอุปกรณ์การใช้งานในย่านความถี่ 3.5GHz ที่อัลคาเทล-ลูเซ่นเป็นผู้นำก่อนและจะรวมถึงความถี่ 2.5GHz และ 2.3GHz ต่อไป
ในงานเดีนวกัน อัลคาเทล-ลูเซ่นยังได้รับตราเครื่องหมายรับรองสำหรับมาตรฐานสถานีฐานไวแม็กซ์ Rev-e (802.16e-2005) จากไวแม็กซ์ฟอรั่ม (WiMAX Forum CertifiedTM Seal) ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความน่าเชื่อถือได้และคุณภาพระดับสูงของอุปกรณ์ไวแม็กซ์ของอัลคาเทล-ลูเซ่นได้เป็นอย่างดี อัลคาเทล-ลูเซ่นเป็นผู้นำเชิงพาณิชย์ในด้านไวแม็กซ์ Rev-e ด้วยเครือข่ายที่เริ่มใช้งานแล้วมากกว่า 10 เครือข่ายจากเครือข่ายเชิงพาณิชย์อ้างอิงทั้งสิ้น 34 เครือข่ายทั่วโลก ทั้งนี้ มีการติดตั้งสถานีฐาน Rev-e มากกว่า 10,000 สถานีเพื่อรองรับการใช้งานของสมาชิกที่ชำระค่าบริการเป็นหมื่นๆ ราย อัลคาเทล-ลูเซ่นยังเป็นผู้นำในด้านการจัดหาบริการด้านการบริหารโครงการที่ซับซ้อน การให้คำปรึกษา บริการออกแบบ บริการรวมการใช้งานเข้ากับซอฟท์แวร์ การจัดตั้ง และการดูแลรักษาของเครือข่ายยุคใหม่ประเภทต่างๆ
เกี่ยวกับชวนเหว่ย
ชวนเหว่ยก่อตั้งในปี 2551 โดยได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจบริหารเครือข่ายไร้สายไวแม็กซ์ทั่วประเทศในประเทศกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียว ชวนเหว่ยมุ่งเน้นในการจัดโครงสร้างพื้นฐานไร้สายระดับสูงไวแม็กซ์สำหรับสังคมชาวกัมพูชา เพื่อให้ชาวกัมพูชาได้เห็นศักยภาพของตนเมื่อมีการพัฒนาโครงข่ายด้านการเข้าใช้บริการของโลกสื่อสารดิจิตอล
เกี่ยวกับอัลคาเทล-ลูเซ่นอัลคาเทล-ลูเซ่น (Euronext Paris และ NYSE: ALU) สร้างสรรค์โซลูชั่นที่ช่วยให้ผู้บริการเครือข่าย องค์กรและหน่วยงานรัฐบาลทั่วโลกได้สร้างบริการสื่อสารประเภทเสียง ข้อมูลและวีดิโอให้กับผู้ใช้งานได้ และในฐานะผู้นำในเทคโนโลยีรวมทั้งแอพลิเคชั่นและบริการด้านตามสาย เคลื่อนที่ บรอดแบนด์หลอมรวมและไอพี ทำให้อัลคาเทล-ลูเซ่นสามารถจัดหาโซลูชั่นเบ็ดเสร็จที่สร้างบริการสื่อสารให้แก่ผู้ใช้งานที่บ้าน ที่ทำงานและที่เคลื่อนที่ ทั้งนี้ อัลคาเทล-ลูเซ่นดำเนินธุรกิจใน 130 ประเทศทั่วโลกและมีธุรกิจทั่วโลกในทุกภูมิภาค อัลคาเทล-ลูเซ่นมีทีมด้านบริการที่มีประสบการณ์ระดับโลกมากที่สุดในธุรกิจนี้ และมีทีมด้านวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในธุรกิจโทรคมนาคม อัลคาเทล-ลูเซ่นมีรายได้รวม 17.8 พันล้านยูโรในปี 2550 บริษัทจัดตั้งในประเทศฝรั่งเศสและทีมผู้บริหารทำงานที่กรุงปารีส หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.alcatel-lucent.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
นฤอร สังขจันทร์
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด
บริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น (ประเทศไทย) จำกัด
โทรศัพท์: (662) 662 8530
Naruh-orn.Sungkachand@alcatel-lucent.com