กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--คอมมูนิเคชั่น แอนด์ มอร์
แพทย์เผยคนไทยป่วยเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นวันละ 26 ราย เสียชีวิตวันละ 25 ราย คนกรุงเทพฯและภาคเหนือครองแชมป์ พบสูงขึ้นทั้งในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ ผู้หญิง และผู้ไม่สูบบุหรี่ แนะวิธีเรียนรู้...สู้มะเร็งปอด งดสูบบุหรี่ ตรวจสุขภาพปอด และสังเกตอาการเบื้องต้น ถ้ามีไอเรื้อรัง น้ำหนักตัวลด ซีด อ่อนเพลีย และปลายนิ้วมีลักษณะเป็นปุ้มๆให้รีบพบแพทย์ และหากตรวจพบมะเร็งปอด ก็อย่าท้อแท้สิ้นหวัง เพราะวงการแพทย์สมัยใหม่สามารถรักษาให้หายได้
นพ.อาคม เชียรศิลป์ จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวในงานสัมมนา “เรียนรู้...สู้มะเร็งปอด” ซึ่งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษาสุขภาพเพื่อป้องกันและต่อสู้กับภัยมะเร็งปอด ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ปัจจุบันพบว่าอุบัติการณ์ผู้ป่วยมะเร็งปอดเพิ่มสูงขึ้น โดยในแต่ละวันมีคนไทยป่วยเป็นมะเร็งปอดเกิดขึ้นใหม่สูงถึงวันละ 25-26 คน และมีผู้เสียชีวิตสูงถึงวันละ 24-25 คน นั่นหมายความว่า ในจำนวนนี้จะอัตราการรอดชีวิตเพียง 1 คน และยังพบว่าปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยมะเร็งปอดมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ หรือแม้แต่ผู้หญิง และผู้ไม่สูบบุหรี่ ก็พบอุบัติการณ์มะเร็งปอดสูงขึ้นเช่นกัน
นพ.อาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า หากดูจากสถิติโดยภาพรวม มะเร็งปอดจะพบมากเป็นอันดับ 2 ของมะเร็งทั้งหมด แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร จะพบมะเร็งปอดมากเป็นอันดับ 1 ซึ่งสาเหตุที่ผู้ป่วยมะเร็งปอดเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปัจจุบันบ้านเมืองเรามีความเจริญมากขึ้น มีโรงงานและอุตสาหกรรมต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ทำให้มีมลภาวะเป็นพิษตามมา แต่อย่างไรก็ตามสาเหตุการเกิดมะเร็งปอดที่สำคัญ ก็คือการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังมีส่วนน้อยที่เป็นจากสาเหตุทางด้านพันธุกรรม
สำหรับวิธีการเรียนรู้...สู้มะเร็งปอด นพ.อาคม กล่าวให้คำแนะนำว่า ในผู้ที่ยังไม่เป็นควรรู้จักเรียนรู้วิธีป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งปอด โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงโดยเฉพาะการสูบบุหรี่ บุหรี่หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเชื้อรา อาหารไขมันสูง อาหารดิบๆ สุกๆ อาหารประเภทดองเค็ม ปิ้งย่าง รมควัน ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และตรวจสุขภาพปอดบ้าง ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ที่สามารถตรวจพบเซลล์มะเร็งปอดได้ตั้งแต่ระยะแรกๆ และควรรู้จักสังเกตความผิดปกติของร่างกาย ที่อาจเป็นสัญญาณอันตรายการเกิดมะเร็งปอด เพราะการรู้ตัวตั้งแต่แรกๆ จะช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งปอดมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น เช่น มีอาการไอเรื้อรังลักษณะไอแห้งๆนานกว่าที่เคยเป็น ซึ่งบางครั้งอาจไอมีเสมหะ หรือมีเลือดออกเป็นเพียงสายๆ ติดปนกับเสมหะออกมา โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่ควรใส่ใจเป็นพิเศษและรีบพบแพทย์
และที่สำคัญหากมีน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว เบื่ออาหาร ซีด อ่อนเพลีย ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะหากแพทย์ตรวจอย่างอื่นไม่พบ นั่นอาจะเป็นสัญญาณอันตรายของมะเร็งปอด นอกจากนี้ บางคนอาจมีวิธีสังเกตได้จากความผิดปกติที่บริเวณปลายนิ้วมือ โดยผู้ที่เป็นมะเร็งปอดบางคนจะมีอาการแสดงออกที่ปลายนิ้วมือจะมีลักษณะเป็นปุ้มๆ ซึ่งสามารถสังเกตได้ตั้งแต่ระยะแรกๆ
สำหรับผู้ที่โชคร้ายป่วยเป็นมะเร็งปอดแล้ว นพ.อาคม กล่าวให้คำแนะนำว่า อย่าท้อแท้สิ้นหวัง ต้องทำจิตใจให้เข้มแข็ง และมีความหวังที่จะเอาชนะกับโรคนี้ให้ได้ เพราะปัจจุบันวงการแพทย์มีความก้าวหน้ากว่าแต่ก่อนมาก สามารถรักษาให้หายได้ ซึ่งมีอยู่หลายวิธี ทั้งการผ่าตัด การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด และการรักษาด้วยยาเม็ดรับประทาน ซึ่งเป็นยากลุ่มใหม่ที่สามารถตอบสนองได้ดีที่สุดในผู้ป่วยมะเร็งปอดที่เป็นชาวเอเชีย
“อย่างไรก็ตาม การรักษามะเร็งปอดเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล วิธีการรักษาแบบเดียวกันอาจให้ผลการรักษาไม่เหมือนกันในการรักษาผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งการที่แพทย์จะเลือกรักษาด้วยวิธีใดนั้น จะขึ้นอยู่กับขนาด ชนิด ระยะความรุนแรงของโรคและสุขภาพของผู้ป่วย ดังนั้น ทางที่ดีเราควรป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งปอดจะเป็นการดีที่สุด ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค โดยเฉพาะการงดสูบบุหรี่ และที่สำคัญการที่จะเรียนรู้ โดยทราบถึงสาเหตุ ลักษณะอาการ และการรักษา ก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อจะได้เรียนรู้วิธี สู้มะเร็งปอดได้” นพ.อาคม กล่าวสรุป
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บุษบา โทร. 0-2718 3800-5 ต่อ 133
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net