กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--เวิรฟ
หนังสือ เปรียบเสมือนกุญแจที่ไขประตูพาผู้อ่านออกเดินทางสู่โลกกว้าง ท่องโลกแห่งปัญญาและจินตนาการไร้ขอบเขต เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจที่พกพาไปได้ทุกที่ เป็นคู่มือเตือนสติให้เป็นคนดีในสังคม เป็นคนขับกล่อมให้นอนหลับฝันดี เป็นที่พึ่งทางใจสำหรับใครหลายคน เป็นครูสอนให้รู้ทันคนและรู้จักการใช้ชีวิต
ประโยชน์ของการอ่านหนังสือมีมากมาย ไม่ว่าเพศหรือวัยใด ก็สามารถเรียนรู้โลกกว้างจากการอ่านได้ทั้งสิ้น หนังสือดีๆ มีอยู่มากมาย แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยมาก โดยเฉพาะในเยาวชนซึ่งเป็นวัยที่กำลังพัฒนาทางด้านสติปัญญากลับขาดโอกาสในการอ่านหนังสือ ดังจะเห็นได้จากข้อมูลศูนย์วิจัยเอแบคปี พ.ศ. 2549 ที่ทำการสำรวจเกี่ยวกับอุปสรรคของการอ่านหนังสือในเด็กและเยาวชนไทย พบว่าเด็กไทยมีอัตราการอ่านหนังสือน้อย เนื่องมาจากร้อยละ 25.2 พบว่าหนังสือมีราคาแพง และร้อยละ 16.4 มาจากการหายืมหนังสืออ่านทำได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ในท้องที่ห่างไกลนั้น เป็นสิ่งที่ลำบากยิ่งในการที่จะมีหนังสือดีๆ และหลากหลายอ่าน เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน และโรงเรียนก็ไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะจัดหาหนังสือให้ครอบคลุมเด็กนักเรียนทุกชั้นวัย หรือจัดสร้างห้องสมุดให้นักเรียนได้
แต่เป็นที่น่าดีใจที่ปัจจุบันมีหลายองค์กรมองเห็นความสำคัญด้านการอ่านของเด็กและเยาวชนไทยและช่วยกันส่งเสริมให้เด็กไทยมีโอกาสเข้าถึงหนังสือมากขึ้น ดังเช่นมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย ที่ได้จัดตั้งโครงการ “One by One: เปิดโลกกว้างทางปัญญา (One by One: World of Wisdom)” ขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนไทยให้มีความเป็นเลิศทางปัญญา ด้วยการมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนไทยที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ โดยการจัดสร้างและพัฒนาห้องสมุดแอมเวย์แก่โรงเรียนห่างไกลทั่วประเทศ
โดยหลังจากจัดงาน “มหกรรมระดมหนังสือเพื่อน้อง” เพื่อรวบรวมทุนทรัพย์และหนังสือเพื่อสร้างห้องสมุดแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิแอมเวย์ฯ ได้จัดงาน “คาราวาน One by One: เปิดโลกกว้างทางปัญญา” เพื่อส่งมอบห้องสมุดแอมเวย์ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ให้กับโรงเรียนนำร่องทั้ง 10 ได้แก่ โรงเรียนบ้านห้วยขม โรงเรียนบ้านห้วยแม่ซ้าย จังหวัดเชียงราย โรงเรียนบ้านม่วงชุม จังหวัดเชียงใหม่ โรงเรียนป่ากลางมิตรภาพที่166 จังหวัดน่าน โรงเรียนบ้านห้วยกุ้ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โรงเรียนบ้านจอมพะลาน จังหวัดมหาสารคาม โรงเรียนบ้านน้ำอ้อมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ โรงเรียนบ้านหนองขี้เห็น จังหวัดสระแก้ว โรงเรียนบ้านธรรมรัตน์ใน จังหวัดฉะเชิงเทรา และโรงเรียนบ้านเกล็ดแก้ว จังหวัดยะลา โดยใช้งบประมาณในการสร้างห้องสมุดและจัดหาหนังสือทั้งสิ้นกว่า 3,300,000 บาท
นายกิจธวัช ฤทธีราวี ผู้จัดการทั่วไป-ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์และการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด และกรรมการมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย กล่าวว่า “มูลนิธิแอมเวย์ฯ มีปณิธานที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนไทยโดยเฉพาะเด็กด้อยโอกาสให้มีโอกาสในการเรียนรู้เพิ่มเติมมากขึ้น โดยการพัฒนาห้องสมุดแอมเวย์นี้เป็นสิ่งที่มูลนิธิแอมเวย์ฯ มองเห็นว่าเป็นแนวทางที่จะช่วยส่งเสริมด้านการอ่านหนังสือเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านปัญญาของเด็กให้ได้มีโอกาสเปิดวิสัยทัศน์ สร้างมุมมอง ความคิดใหม่ๆ และนำมาพัฒนาศักยภาพของตนเองให้เพิ่มพูนขึ้นต่อไป และไม่เพียงแต่เป็นห้องสมุดในโรงเรียนสำหรับเด็กนักเรียนเท่านั้น มูลนิธิแอมเวย์ฯ ยังตั้งใจให้ห้องสมุดแอมเวย์กลายเป็นห้องสมุดชุมชนที่ประชาชนในละแวกใกล้เคียงสามารถเข้ามาใช้บริการได้ด้วย”
“โครงการ One by One: เปิดโลกกว้างทางปัญญา ดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ เพราะได้รับความร่วมมือจาก 3 องค์กรไม่หวังผลกำไร (NGO) ได้แก่ มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ. ในประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มูลนิธิเพื่อการพัฒนา เด็ก (มพด.) และมูลนิธิกระจกเงา ที่ได้ให้การสนับสนุนและให้คำปรึกษาในการจัดสร้างห้องสมุดแอมเวย์มาตั้งแต่เริ่มต้น นอกจากนี้ ยังรวมถึงการสนับสนุนอย่างอบอุ่นจากนักธุรกิจแอมเวย์ สมาชิก พนักงานของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ตลอดทั้งประชาชนทั่วไป ที่ได้ร่วมกันสละทั้งแรงกาย แรงใจ พร้อมทั้งได้ร่วมกันบริจาคเงินและหนังสือสำหรับเยาวชนจำนวนมากมายให้กับมูลนิธิแอมเวย์ฯ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สามารถรวมพลังเครือข่ายครั้งสำคัญเพื่อทำกิจกรรมตอบแทนสังคมไทย” นายกิจธวัชกล่าวเสริม
นายศักดิ์ ธนประกอบ รองประธานกรรมการมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทย กล่าวว่า “สำหรับโครงการ One by One: เปิดโลกกว้างทางปัญญาในครั้งนี้ เราได้รับความร่วมมืออันดียิ่งจากนักธุรกิจแอมเวย์ ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากการที่เราเป็นธุรกิจเครือข่ายจึงช่วยให้สามารถเผยแพร่เรื่องราวดีๆ หรือเชิญชวนผู้คนมาร่วมกิจกรรมการกุศลต่างๆ ได้อย่างสะดวก ซึ่งนักธุรกิจแอมเวย์ทุกคนต่างยินดีและเต็มใจในการร่วมแบ่งปันกันคนละไม้คนละมือ โดยในกิจกรรมคาราวานครั้งนี้ เราได้รับความร่วมมือจากนักธุรกิจแอมเวย์อาสาสมัครหลากหลายอาชีพจากทั้งในกรุงเทพฯ และในพื้นที่ เช่น แพทย์ พยาบาล เภสัชกร เป็นต้น นับร้อยๆ คนมาร่วมกันส่งมอบความสุขแก่น้องๆ ในคาราวานนี้ด้วยการบริการตรวจสุขภาพ เลี้ยงอาหารกลางวัน และจัดกิจกรรมสันทนาการให้แก่เด็กๆ”
อาจารย์สาคร พูลสุข ครูชำนาญการ โรงเรียนป่ากลางมิตรภาพที่ 166 จังหวัดน่าน กล่าวถึงความรู้สึกว่า “ห้องสมุดแอมเวย์จะเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับนักเรียนทุกชั้นวัย โดยเฉพาะการค้นคว้าหาความรู้สำหรับวิชาเรียนต่างๆ จากแต่ก่อนนักเรียนจะเรียนรู้จากครูเพียงทางเดียว เดี๋ยวนี้เด็กนักเรียนสามารถขยายขอบเขตในการหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในฐานะครูคนหนึ่ง ผมรู้สึกดีใจที่เด็กๆ จะมีหนังสือหลากหลายและมีใจรักการอ่านมากยิ่งขึ้น เพื่อเขาจะได้เติบโตเป็นคนที่รู้ทันคนและไม่ถูกเอาเปรียบได้”
เด็กหญิงวิไลพร หยกจันทร์สว่าง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านห้วยกุ้ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เล่าถึงความรู้สึกว่า “เดินมาเรียนที่โรงเรียนทุกวัน ในช่วงพักกลางวันและหลังเลิกเรียน หนูและเพื่อนๆ จะเล่นกีฬาและอ่านหนังสือในห้องสมุด แต่หนังสือมีน้อยและเก่า ไม่มีที่นั่งอ่าน หลังจากได้ห้องสมุดใหม่จากมูลนิธิแอมเวย์ฯ พวกหนูดีใจมาก เพราะมีแต่หนังสือที่น่าอ่าน จากนี้ไปจะได้มีหนังสือดีๆ ให้ยืมไปอ่านที่บ้านได้ทุกวัน สำหรับหนังสือที่ชอบอ่านที่สุดคือเรื่อง "มือปืน" เป็นเรื่องราวของมือปืนรับจ้างที่ติดคุก โดยเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับสิ่งที่มือปืนคนนี้ก่อกรรมทำเข็ญไว้ แล้วในที่สุดก็ต้องมารับโทษในคุก เรื่องนี้นอกจากให้ความสนุกน่าติดตามแล้ว ยังให้ข้อคิดที่ดีว่า "คนเราถ้าทำอะไรไม่ดี ผลกรรมจะตามทันแน่นอน"
เด็กหญิงนิภาพรรณ อามอ นักเรียนชั้นประถมศึกษาศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านห้วยขม จังหวัดเชียงราย ซึ่งนักเรียนที่นี่กว่า 80% เป็นชนเผ่า เช่น อาข่า ไทยใหญ่ กะเหรี่ยง เล่าว่า “หนูชอบอ่านหนังสือ แต่พ่อแม่ไม่มีเงินซื้อให้ หนังสือที่โรงเรียนพอมีแต่น้อย มีแต่หนังสือเรียน ห้องสมุดก็เก่า เลยไม่ค่อยได้เข้า พอได้ห้องสมุดใหม่ก็ดีใจมาก เพราะกว้างขวางมีมุมให้นั่งอ่าน มีหนังสือมากมาย โดยเฉพาะหนังสืออ่านนอกเวลา สนุกๆ และนิทานที่มีภาพสวยๆ และยังมีมุมวาดภาพระบายสีด้วย เพื่อนๆ ทุกคนก็ชอบ ตอนนี้ก็เลยใช้เวลาหลังเลิกเรียนส่วนใหญ่ในห้องสมุดใหม่ทุกวัน”
เด็กหญิงวิลาวรรณ แซ่ม้า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนป่ากลางมิตรภาพที่ 166 จังหวัดน่าน เล่าว่า “รู้สึกดีใจมากที่โรงเรียนป่าปลางมิตรภาพที่ 166 เป็น 1 ใน 10 โรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกในการสร้างและพัฒนาห้องสมุดแอมเวย์ โดยเมื่อก่อนห้องสมุดที่นี่จะมีแต่หนังสือเก่าๆ บางเล่มก็ขาดหายไป ชั้นวางหนังสือก็ไม่เรียบร้อย ไม่มีตู้เก็บหนังสือ บางเรื่องที่พวกหนูอยากอ่านก็ไม่มี อยากจะขอพ่อแม่ซื้อให้แต่ไม่มีเงิน หลังจากมูลนิธิแอมเวย์ฯ ได้มาสร้างห้องสมุดใหม่นี้ ทำให้ห้องสมุดมีหนังสือใหม่มากขึ้น และมีการจัดหมวดหมู่ ทำให้ค้นคว้าง่ายขึ้น และยังมีคอมพิวเตอร์ใหม่ด้วยค่ะ พวกหนูดีใจกันมาก หลังจากมีห้องสมุดใหม่หนูจะมาใช้บริการทุกวัน หนังสือที่หนูชอบอ่านคือเรื่องสั้น โดยเล่มโปรดคือ “เพื่อนนอน” อ่านแล้วได้ข้อคิดในการคบเพื่อนที่ดีต้องทำอย่างไร”
“ในขั้นต่อไปมูลนิธิแอมเวย์ฯ ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างและพัฒนาห้องสมุดสำหรับโรงเรียนที่ยังขาดแคลนอีก 5 โรงเรียนภายในสิ้นปี 2552 นี้ ส่วน 10 โรงเรียนนำร่องที่ได้รับการพัฒนาห้องสมุดแล้ว ทางมูลนิธิแอมเวย์ฯ ก็จะดูแลระยะยาวในการจัดหาหนังสือเพิ่มเติม ตลอดจนทำการรณรงค์ให้เด็กรักการอ่าน และให้ผู้ปกครอง หันมาเห็นความสำคัญของการอ่านหนังสือของเด็กๆ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการจุดประกายแห่งปัญญาในอันที่จะพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของเด็กๆ ให้เติบโตเป็นอนาคตของชาติต่อไป” นายกิจธวัช กล่าวทิ้งท้าย
“ขุมทรัพย์หาได้จากการอ่าน” และเป็นที่น่ายินดีที่มูลนิธิแอมเวย์ฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการอ่านหนังสือด้วยการมอบห้องสมุด อันเป็นแหล่งพัฒนาปัญญาของเด็กและเยาวชนไทย เพราะคงน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งหากศักยภาพของอนาคตของชาติตัวน้อยๆ เหล่านี้ จะถูกซ่อนเร้นและถูกลืมเพียงเพราะการขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ ดังนั้นทุกคนจึงควรหันมาเห็นความสำคัญของการอ่าน ตลอดจนพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ควรส่งเสริมบุตรหลานให้รักการอ่านอย่างจริงจัง เพราะศักยภาพทาง “ปัญญา” สร้างได้จากการเรียนรู้....
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ เวิรฟ:
วรญา มณีวรรณ (เพชร) โทร.0-2204-8229 หรือ 084-004-0636
พรชนันท์ มงคลกุล (กิฟท์) โทร.0-2204-8223 หรือ 081-755-1105