กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--ก.ไอซีที
นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ว่า หลังจากที่คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงไอซีที และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการร่างประกาศที่ออกตามความในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 จำนวน 4 ฉบับ เพื่อรองรับการประกาศและบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาดังกล่าว รวมถึงใช้ควบคุมดูแลธุรกิจบริการด้านการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Payment ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้พิจารณาร่างประกาศทั้ง 4 ฉบับดังกล่าวแล้ว
“ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้มีมติเกี่ยวกับร่างประกาศทั้ง 4 ฉบับ ดังนี้ ฉบับแรก ร่างประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง “หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์” ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ โดยให้เพิ่มเติมระยะเวลาในการแลกคืนเป็นเงินสดจากผู้ให้บริการบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้ชัดเจน และประธานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ลงนามแล้ว ส่วนฉบับที่ 2 ร่างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง “การให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามบัญชี ก ที่ไม่ต้องแจ้งให้ทราบก่อนให้บริการ” นั้น ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ลงนามแล้ว รวมทั้งได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา
สำหรับฉบับที่ 3 คือ ร่างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง “หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์” และฉบับที่ 4 ร่างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง “นโยบายและมาตรการการรักษาความปลอดภัยทางระบบสารสนเทศในการประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์” ที่ประชุมมีมติรับทราบทั้ง 2 ฉบับ แต่ให้มีการปรับปรุงในฉบับที่ 4 โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาปรับปรุงถ้อยคำบางประการให้มีความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น” นายสือ กล่าว
นอกจากนี้คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ยังได้มีการจัดทำ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง “แนวทางการจัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติของผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้มาตรา 37 และมาตรา 29 แห่งกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์” อีกหนึ่งฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการโครงสร้างพื้นฐานทางกฎหมาย และจะมีการนำเสนอคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และลงนามในการประชุมครั้งต่อไป
สำหรับความคืบหน้าการบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 นั้น ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างดำเนินการรับแจ้ง ขึ้นทะเบียน หรือขออนุญาตแล้วแต่กรณีจากผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ประสงค์จะทำธุรกิจต่อไป โดยการดำเนินการดังกล่าวจะต้องให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มีนาคม 2552 มิฉะนั้นหากพ้นวันที่ 13 พฤษภาคม 2552 จะไม่สามารถให้บริการได้อีกต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-5682453 ทิพวรรณ์ ไชมะโย