เอ็กโก กรุ๊ป แถลงผลการดำเนินงานปี 2551 กำไร 6,927 ล้านบาท ชูศักยภาพคน-การเงินแข็งแกร่ง พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจปี 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 25, 2009 07:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--มาร์เก็ต-คอมส์ เอ็กโก กรุ๊ป แถลงผลการดำเนินงานปี 2551 กำไรสุทธิ 6,927 ล้านบาท เผยกลยุทธ์ปี 2552 เล็งขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน และโครงการที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิง พร้อมผลักดันโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ และมุ่งเน้นการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ รวมถึงปรับปรุงการบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจในอนาคต นายวินิจ แตงน้อย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2551 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ว่า เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 6,927 ล้านบาท ลดลง 1,475 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปี 2550 โดยคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 13.16 บาท ทั้งนี้ หากไม่คำนึงถึงผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท เอ็กโก กรุ๊ป จะมีกำไรจำนวน 7,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.34 โดยสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการแก่งคอย 2 โรงที่ 2 ที่เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551 ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีสินทรัพย์รวม จำนวน 58,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,730 ล้านบาท หรือร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2550 มีหนี้สินรวม จำนวน 12,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 จำนวน 1,183 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดคงเหลือ จำนวน 4,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2550 ทั้งสิ้น 1,228 ล้านบาท ทั้งนี้ มีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 2.58 เท่า และ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 1.34 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เอ็กโก กรุ๊ป ยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ นายวินิจ กล่าวว่า “จากการคาดการณ์ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ในปี 2552 ว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 2 ได้ส่งผลให้การลงทุนในประเทศชะลอตัว และความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศลดลง ซึ่งเป็นผลให้ภาครัฐมีการทบทวนแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ พีดีพีปี 2550 โดยมีนโยบายปรับลดปริมาณสำรองไฟฟ้าให้เหลือเพียง 15-20% และเลื่อนการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงเลื่อนแผนการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ 3 แห่งที่ชนะการประมูลไอพีพีในปี 2550 ออกไป 1 ปี ตลอดจนเตรียมปรับแผนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายเล็ก (SPP) เพื่อกระตุ้นการลงทุนในภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของเอ็กโก กรุ๊ป ในปัจจุบัน แต่อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต บริษัทฯ จึงได้ปรับกลยุทธ์ในการขยายการลงทุนไปยัง 1. โรงไฟฟ้าในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น 2. โครงการที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิง และ 3. โครงการภายในประเทศไทยที่ใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นเชื้อเพลิง เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดในฐานะบริษัทชั้นนำทางด้านพลังงาน และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเอ็กโก กรุ๊ปต่อไป” สำหรับทิศทางการขยายการเจริญเติบโตของเอ็กโก กรุ๊ป ในปี 2552 นั้น นายวินิจ กล่าวว่า “เอ็กโก กรุ๊ป มุ่งเน้นการมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ โดยการเข้าซื้อกิจการที่มีศักยภาพ หรือเข้าร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องแล้ว หรืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งบริษัทฯ จะพิจารณาโครงการที่มีคุณภาพ สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต และอยู่ในระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ ขณะเดียวกัน ยังคงให้ความสำคัญกับการศึกษาโครงการด้านพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ทั้งโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานชีวมวลในเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ด้านการเพิ่มผลตอบแทนหรือผลกำไร เอ็กโก กรุ๊ปเน้นการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่อย่างเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะ โรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ซึ่งได้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ไปเพียงหนึ่งปีกว่า และโรงไฟฟ้าถ่านหินเควซอน ในประเทศฟิลิปปินส์ ที่เอ็กโก กรุ๊ป ได้เข้าร่วมทุนเมื่อเดือนธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ในประเทศลาว ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 95 และกำหนดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ในเดือนธันวาคม ปี 2552 “ด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญของบุคลากรในเอ็กโก กรุ๊ป ซึ่งได้เตรียมพร้อมรับมือกับภาวะผันผวนด้านต่างๆ อย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงการบริหารจัดการภายใน รวมถึงการติดตามสถานการณ์พลังงาน สภาวะเศรษฐกิจ และการเมืองอย่างใกล้ชิด ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เรามั่นใจว่า เอ็กโก กรุ๊ป จะสามารถก้าวผ่านสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปได้อย่างมั่นคง และสามารถบริหารและดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นสูงสุด” นายวินิจ กล่าวปิดท้าย ข้อมูลเกี่ยวกับเอ็กโก กรุ๊ป: บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer - IPP) แห่งแรกของไทย ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในรูปแบบครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า และธุรกิจการให้บริการด้านพลังงานทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้ระบบการกำกับกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เพื่อรักษาดุลยภาพทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม อันจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน ผู้ถือหุ้นหลักของเอ็กโก กรุ๊ป ได้แก่ กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 25.41 บริษัท วันเอ็นเนอร์ยี่ ประเทศไทย จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 22.42 และนักลงทุนในและต่างประเทศ ถือหุ้นรวมร้อยละ 52.17 โดยมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น รวมทั้งสิ้น 4,239.3 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และเล็กทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 13 แห่ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: ศิริวรรณ จิรวิสิฐกุล ฝ่ายสื่อสารองค์กร เอ็กโก กรุ๊ป โทร: 0 2998 5137, 08 1240 6798 โทรสาร: 0 2955 0956 ต่อ 5137 วิไลพร สุอังคะ โทร. 08 1173 8233 สราวุธ บูรพาพัธ โทร. 08 9897 8242 บริษัท มาร์เก็ต-คอมส์ จำกัด โทรสาร: 0 2575 2418

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ