กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด
DSGT ผู้ผลิตผ้าอ้อมรายใหญ่ ในไทย ตั้งราคาหุ้นไอพีโอที่ 3.20 บาท/หุ้น เผยนักลงทุนสถาบันสนใจ พื้นฐานบริษัทแข็งแกร่ง และราคาเสนอส่วนลดให้นักลงทุนกว่า 30%
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) (บล.บัวหลวง) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“DSGT”) เปิดเผยว่า หุ้นไอพีโอของ DSGT จะเสนอขายที่ราคา 3.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งสะท้อนพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโต
โดยได้ตั้งราคาเสนอขายที่ให้ส่วนลดแก่นักลงทุนประมาณ 30% เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยราคาไอพีโอดังกล่าว หุ้น DSGT มีค่า P/E ที่ 7 เท่า ขณะที่ค่า P/E โดยเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมอยู่ประมาณ 10 เท่า อีกทั้งบริษัท DSGT มีนโยบายในการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ โดยบริษัทได้กำหนดราคาโดยภายหลังจากที่ได้ให้นักลงทุนสถาบัน Bookbuild ราคาเข้ามา การเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ได้จัดสรรหุ้นกว่าร้อยละ 60 ให้กับนักลงทุนสถาบัน
บริษัท DSGT ซึ่งเป็นผู้นำตลาดผ้าอ้อมในไทยมีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 75.193 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 25.06% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการเสนอขาย โดยจะเปิดให้จองหุ้นในระหว่างวันที่ 24-26 กรกฎาคม นี้ และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 9 สิงหาคม โดยซื้อขายอยู่ในกลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์
ทั้งนี้ บริษัท DSGT ได้เซ็นสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และมี บล.ฟินันซ่า บล.เคจีไอ บล.ฟิลลิป และบล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย โดยบริษัทฯ วางแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งได้กู้มาเพื่อซื้อเครื่องจักรและขยายโรงงานการผลิตและส่วนที่เหลือสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทลดลง โดยหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือ 0.57 เท่า จากปีก่อน 2.03 เท่า
ในแง่ของผลประกอบการ บริษัท DSGT เชื่อมั่นว่ารายได้ในปี 2549 จะมากกว่าปี 2548 ที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2.27 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 105.98 ล้านบาท อันเป็นผลมากจากแนวโน้มการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสแรกของปีนี้ มีรายได้รวม 625.74 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 34.35 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ มีศักยภาพขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงความสะดวกสบายและสุขอนามัยของการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป โดยผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กจะใช้ได้กับทารกแรกเกิด จนถึงอายุประมาณ 2-3 ปี และผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่จะใช้กับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ
นอกจากนี้บริษัทฯ มีนโยบายการตลาดเชิงรุกมากขึ้นเพื่อผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น โดยทีมงานด้านการตลาดจะขยายการขายไปยังตลาดต่างจังหวัดและเพิ่มการขายตรงไปยังโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน และร้านขายยามากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันบริษัท DSGT มีส่วนแบ่งในตลาดเมืองไทยอันดับหนึ่ง สำหรับผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และอันดับสอง สำหรับผ้าอ้อมเด็ก โดยยอดขายผ้าอ้อมผู้ใหญ่มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ย 15-20% ต่อปี และ ยอดขายผ้าอ้อมเด็กเติบโตประมาณ 10% ต่อปี
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการผลิตสินค้าและทำการตลาดครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมเด็กในกลุ่มพรีเมี่ยม ได้แก่ แบรนด์ “Fitti Soft Comfort” กลุ่มระดับกลาง ได้แก่ แบรนด์ “BabyLove” และกลุ่มราคาประหยัด “Fitti Basic” ส่วนผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ในกลุ่มพรีเมี่ยม ได้แก่ แบรนด์ “Dispo123” กลุ่มระดับกลาง ได้แก่
แบรนด์ “Certainty Guard” และกลุ่มราคาประหยัด ได้แก่ แบรนด์ “Certainty”
บริษัทฯ มีโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่เขตประกอบการอุตสาหกรรม เอส ไอ แอล จังหวัดสระบุรี ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ดำเนินการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กเพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และยังเป็นฐานการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น จีน อินเดีย บังคลาเทศ และปากีสถาน เป็นต้น
นอกจากนี้ DSGT มีบริษัทย่อยในประเทศสิงคโปร์ ถือหุ้นอยู่ 100% ที่มาเลเซีย ถือหุ้นอยู่ 100% และอินโดนีเซีย ถือหุ้นอยู่ 60% โดยทั้ง 3 ประเทศดำเนินการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็ก ยกเว้นที่สิงคโปร์ จะดำเนินการจัดจำหน่ายเท่านั้น และเมื่อรวมกำลังการผลิตของบริษัททั้งกลุ่มแล้ว DSGT จะมีกำลังการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กประมาณ 607.8 ล้านชิ้นต่อปี และกำลังการผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ประมาณ 90.4 ล้านชิ้นต่อปี
บริษัท DSGT เป็นบริษัทในเครือของบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง และมีบริษัทในเครืออยู่ในประเทศ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ โดยดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
โดยภายหลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้ว จะทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประกอบด้วย บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (DSGIF) ถือหุ้นเหลือร้อยละ 65.74 จากเดิมร้อยละ 82.17 นายประพันธ์ อนุวงศ์นุเคราะห์และภรรยา ถือหุ้นร้อยละ 9.20 จากเดิมร้อยละ 11.50 และส่วนสุดท้ายประชาชนทั่วไปคิดเป็น ร้อยละ 25.06
สื่อมวลชนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณปิยวรรณ อนันต์เวทยานนท์
ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์
โทร. 0-1944-1972