กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--พี อาร์ โซลูชั่น
สยามไฟเบอร์กลาส ปลุกตลาด บ้านเย็น รับกระแสโลกร้อน ดึงศักยภาพกลุ่มวัสดุก่อสร้างของธุรกิจในเครือซิเมนต์ไทย (SCG) ร่วมพัฒนาทั้งในด้านของการจัดระบบการให้บริการ Total Solution และการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพื่อช่วยให้บ้านเย็น ตอกย้ำศักยภาพการให้บริการเพื่อช่วยลดปัญหาสภาวะบ้านร้อนแบบครบวงจร เป็นแห่งแรกในเมืองไทย คาดว่าจะผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปี 52 ส่งผลให้สยามไฟเบอร์กลาสเป็นผู้นำทางการตลาดฉนวนกันความร้อน โดยเฉพาะในกลุ่มฉนวนใยแก้ว กรีน 3 (Green-3) ที่มีคุณสมบัติพิเศษไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ลามไฟ
นายสลิล กันตนฤมิตรกุล ผู้จัดการส่วนการตลาด บริษัทสยามไฟเบอร์กลาส จำกัด ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เครือซิเมนต์ไทย (SCG Building Materials) ผู้ผลิตสินค้าฉนวนกันความร้อนตราช้าง เปิดเผยถึง สถานการณ์ของตลาดวัสดุก่อสร้าง ในกลุ่มฉนวนกันความร้อน ซึ่งเป็นผู้นำตลาดอยู่ในปัจจุบันว่า
“ แม้ว่าในปีที่ผ่านมาสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จะได้รับผลกระทบทั้งจากปัญหาการเมืองภายใน และ ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจของโลกก็ตาม แต่ด้วยปัจจัยสนับสนุน ทั้งจากสภาพภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม ที่ผลักดันให้ผู้บริโภค ตระหนักถึงภาวะโลกร้อน และการอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มมากขึ้น รวมถึง การเติบโตของตลาดการก่อสร้าง โดยเฉพาะอาคารและโรงงาน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการมีกฎหมายบังคับ การใช้ฉนวนในอาคารสาธารณะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ มูลค่าตลาดฉนวนกันความร้อนโดยรวมในปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10 % จากมูลค่ารวมของตลาดฉนวนกันความร้อนที่มีอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
โดยในปีนี้ นอกจาก สยามไฟเบอร์กลาสจะยังให้ความสำคัญต่อการขยายตลาดในกลุ่มฉนวนงานบ้านพักอาศัยทั้งในด้านองค์ความรู้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้บริโภค สถาปนิก กลุ่ม Developer และกลุ่ม Home Builder ซึ่งขณะนี้เริ่มให้ความสนใจต่อการติดตั้งฉนวนกันความร้อน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่บ้านจัดสรรรุ่นใหม่ๆ ให้เกิดความรู้ และเข้าใจการเลือกหาวัสดุ หรือฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ในการป้องกันความร้อนได้จริง ไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม และการไม่ลามไฟ เป็นหลัก เพื่อแข่งขันกับฉนวนประเภทอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นแต่ราคาถูก ติดตั้งง่ายแต่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนมากนัก แล้ว สยามไฟเบอร์กลาสยังได้ร่วมมือกับธุรกิจในเครือ SCG ซึ่งมีวัสดุก่อสร้างอยู่หลายประเภท สามารถนำมาใช้ประกอบกันได้เป็นระบบ โดยเฉพาะระบบฝ้าเพดาน กันความร้อน ,ระบบผนังกันความร้อน และป้องกันเสียง หรือการนำฉนวนกันความร้อนมาใส่ในระบบผนังเบาของสมาร์ทบอร์ด หรือแผ่นยิปซั่มตราช้าง ซึ่งเป็นการ Synergy ในกลุ่มวัสดุก่อสร้างของธุรกิจในเครือให้มีประสิทธิภาพทั้งในด้านการ ผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในระบบการก่อสร้าง เพื่อช่วยให้บ้านเย็นแล้ว และสามารถเปิดให้บริการ ในรูปแบบของ Total Solution ที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไข ปัญหาความร้อน ภายในบ้าน หรืออาคาร รวมทั้งบริการติดตั้งฉนวนกันความร้อนในเขตกทม และพื้นที่ใกล้เคียง โดยช่างผู้ชำนาญงานได้อย่างครบวงจร ได้เป็นแห่งแรกในประเทศไทย ผ่านระบบการจัดจำหน่ายของ SCG ทั้ง Renovation Center สุขาภิบาล 3 และ Roofing Center ที่ตั้งอยู่ตามร้าน Cementhai Home Mart ได้อีกด้วย ซึ่งในปีนี้ บริษัทจะเน้นไปที่การกระจายเข้าสู่ local marketing ผ่านช่องทางการจำหน่ายที่มีอยู่ ในรูปแบบ below the line โดยจะเริ่มเปิดให้บริการในเขตปริมณฑล และจังหวัดที่ใกล้เคียงกับกรุงเทพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องด้วยที่ผ่านมาตลาดการให้บริการในส่วนดังกล่าวมีความต้องการอยู่มาก แต่ยังขาดช่างที่ชำนาญงาน ซึ่งมั่นใจว่าการให้บริการในระบบ Total Solution ในครั้งนี้ จะเป็นกิจกรรมหลัก ที่ผลักดันยอดการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 10% โดยตั้งเป้ายอดขายในปี 2552 ไว้ประมาณ 560 ล้านบาท “
นอกจากนี้ นายสลิลยังกล่าวถึงการพัฒนาตลาดฉนวนกันความร้อนในปีนี้เพิ่มเติมว่า “จากนโยบายการร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้างในเครือ SFG ในครั้งนี้ นอกจากจะสามารถนำศักยภาพ และความพร้อมของเครือข่ายมาพัฒนารูปแบบการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ ให้กับลูกค้าแล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์และ พัฒนาสินค้า อย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของเครือซิเมนต์ไทย ซึ่งคาดว่าในปีนี้ จะมีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2- 3 ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาต่อเนื่องจาก ฉนวนกันความร้อน และฉนวนกันเสียงซึ่งเป็นตลาดใหม่ แต่มีผลการเติบโตสูงในปีที่ผ่านมา โดยใช้นโยบายการ Synergy กับบริษัทในเครือซิเมนต์ไทยเอง ทั้งทางสมาร์ทบอร์ด และทางยิปซั่มตราช้าง
อย่างไรก็ดี ในส่วนของผลการดำเนินงานของ บริษัท สยามไฟเบอร์กลาส จำกัด ในปีที่ผ่านมา มียอดขายรวมประมาณ 510 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการส่งออกประมาณ 50% และในประเทศประมาณ 50% โดยสัดส่วนใหญ่ของฉนวนในประเทศยังคงเป็นการขายงานโครงการและภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ประมาณ 40% ฉนวนงานบ้านพักอาศัย 35 % และอีกประมาณ 5% มาจากฉนวนงานเสียง โดยการเติบโตของตลาดภายในประเทศ มีเพิ่มขึ้นประมาณ 10 % และต่างประเทศอีก 15 % ซึ่งคาดว่าจากการปรับกลยุทธ์ และทิศทางการตลาดใหม่ ในปีนี้ อัตราการเติบโตตลาดรวมของสยามไฟเบอร์กลาสน่าจะอยู่ที่ 10% และเพื่อให้สอดรับกับการขยายตลาดในรูปแบบเฉพาะเจาะจง งบประมาณการจัดกิจกรรมทางการตลาดในปีนี้ของบริษัท กว่า 80% จึงมุ่งไปที่กิจกรรมในรูปแบบ below the line ผ่านช่องทางการจำหน่ายต่างๆ โดยเฉพาะในภูมิภาค ส่วนในเขต กทม.เองนั้น จะมีงานแสดงสินค้าหลักที่ร่วมกับกิจการอื่นๆ ในเครือซิเมนต์ไทย ได้แก่ งานบ้านและสวนแฟร์, งานสถาปนิก 52 รวมถึงกิจกรรมการขายสินค้าหลักเพื่อพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายเข้าไปในกลุ่มโมเดิร์นเทรด โดยร่วมกับ Home Pro และ Home Work คืองาน Home Pro Expo และ Home Work Expo ด้วย