กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--โกลว์ พลังงาน
บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการปี 2551 โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 33,751 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 4.33 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม (“EBITDA”) 7,294 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 15.24 และกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (“Net Normalized Profit”: “NNP”) จำนวน 3,784 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 12.27 จากปี 2550
โดยในปี 2551 แม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างจำกัด อันเนื่องมาจากเพิ่มขึ้นที่จำกัดของอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากมาตรการการประหยัดต้นทุนต่าง ๆ ที่บริษัทได้ดำเนินการไป ซึ่งรวมถึง การลดการใช้ถ่านหินโดยการใช้พลังงานชีวมวลทดแทน การใช้โปรแกรมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ การขยายอายุการใช้งานของเครื่องจักร และการปรับโครงสร้างการจ่ายดอกเบี้ย
ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 บริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก ซึ่งส่งผลต่อประกอบการในปี 2551 ทั้งปี โดยรายได้จากกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีลดลงอย่างมาก หรือมากกว่าร้อยละ 25 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 นอกจากนี้ผลประกอบการยังได้รับผลกระทบจากการหยุดซ่อมนอกแผนของโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังการผลิต 150 เมกกะวัตต์ และการล่าช้าของการเริ่มการผลิตภายหลังการซ่อมบำรุงใหญ่หน่วยผลิตไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ IPP กำลังการผลิต 356 เมกะวัตต์
นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวว่า “ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในปี 2551 สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ปัจจัยภายนอกและปัจจัยจากการดำเนินการ โดยผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมีสาเหตุหลักที่สำคัญคือการปรับราคาค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นในปี 2551 และความต้องการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลง ส่งผลให้กำไรลดลงประมาณ 810 ล้านบาท โดยในส่วนของปัจจัยภายในมีสาเหตุมากจากการหยุดซ่อมนอกแผนของโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังการผลิต 150 เมกกะวัตต์ และการล่าช้าของการเริ่มการผลิตภายหลังการซ่อมบำรุงใหญ่หน่วยผลิตไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ IPP กำลังการผลิต 356 เมกะวัตต์ ซึ่งส่งผลต่อผลประกอบการในไตรมาส 4 ประมาณ 290 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2551 ที่ผ่านมา ฝ่ายจัดการของบริษัทได้ดำเนินมาตรการหลายอย่างเพื่อลดผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยให้บริษัทประหยัดเงินได้มากกว่า 800 ล้านบาท”
การขยายโครงการใหม่ยังคงเดินหน้าต่อไป
ปัจจุบันโกลว์อยู่ระหว่างดำเนินการในโครงการขยายโรงไฟฟ้า 3 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน กำลังการผลิต 660 เมกะวัตต์ โครงการพลังความร้อนและไอน้ำร่วม 115 เมกะวัตต์ และ 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยโครงการโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 660 เมกะวัตต์ เป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัทโกลว์ และบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ซึ่งกลุ่มบริษัทโกลว์ถือหุ้นประมาณร้อยละ 65 ในขณะที่โครงการพลังความร้อนร่วม ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์และ โครงการพลังความร้อนร่วม ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิต 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า ซึ่งเป็นการลงทุนโดยบริษัทโกลว์ พลังงาน ทั้ง 2 โครงการ
สำหรับการขยายโครงการใหม่ทั้ง 3 โครงการนี้ จะทำให้กลุ่มบริษัทโกลว์มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 ภาย ในปี 2554 โดยในปีนี้โกลว์จะมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการเริ่มดำเนินการของ โรงไฟฟ้าถ่านหินพลังความร้อนร่วม กำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์ ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้า กำลังการผลิต 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า และโครงการโรงไฟฟ้า IPP 660 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดการจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในครึ่งปีหลังของปี 2554 อันจะส่งผลต่อกำไรที่เพิ่มขึ้น
โครงการทั้ง 3 นี้จะได้รับผลประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) และจากการใช้ระบบสาธารณูปโภคร่วมกัน เนื่องจากทั้ง 3 โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับโรงงานของบริษัทในปัจจุบัน คือ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นอกจากนั้น โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมแห่งใหม่นี้ยังเป็นหน่วยผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมของกลุ่มบริษัทโกลว์ ในขณะที่โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันซึ่งทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. เป็นระยะเวลา 25 ปี จะทำให้บริษัทมีแหล่งที่มาของรายได้ที่มั่นคง
เก็คโค่-วัน ซึ่งทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับกฟผ. เป็นเวลา 25 ปี จะทำให้บริษัทมีแหล่งที่มาของรายได้ที่มั่นคง ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินพลังความร้อนร่วม กำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์นั้น ได้มีการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมแล้วทั้งจำนวน ในขณะที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนและไอน้ำร่วม กำลังการผลิต 382 เมกะวัตต์เทียบเท่าก็ได้มีการทำสัญญาซื้อขายกับลูกค้าอุตสาหกรรมและกฟผ.แล้วเป็นจำนวนมากเช่นกัน
นอกจากนี้โกลว์คาดว่าจะลงทุน ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาว (Houay Ho Hydro Power Plant) กำลังการผลิต 152 เมกะวัตต์ โดยการซื้อหุ้นจากจีดีเอฟ สุเอซ ในสัดส่วนร้อยละ 67.25 โดยการโอนหุ้นจะเกิดขึ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2552
นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินกลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวเพิ่มเติมว่า “การกู้เงินสำหรับโครงการขยายกำลังการผลิตนี้สามารถดำเนินไปตามแผนที่วางไว้ เราได้ลงนามในสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 745 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้า IPP แห่งใหม่ ตั้งแต่ ไตรมาส 4 ของปี 2551 และยังได้ลงนามในสัญญากู้ยืมเงินอีก 3 พันล้านบาทสำหรับโครงการขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมแล้ว ในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุนอีกจำนวน 5,000 ล้านบาทซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว ในปัจจุบันด้วยอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนจำนวน 0.85 เท่าของบริษัท เรายังมีสถานะทางการเงินในการระดมทุนที่เพียงพอสำหรับการจัดหาเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับปี 2553 และ 2554 จำนวนประมาณ 16,000 ล้านบาท และเรายังคงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งทางการเงินและฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัท”
เกี่ยวกับโกลว์ พลังงาน
บริษัท โกลว์ พลังงาน เป็นบริษัทหนึ่งในกลุ่มโกลว์ ซึ่งประกอบธุรกิจด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศ โดยมีกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 1,708 เมกะวัตต์ และมีกำลังผลิตไอน้ำทั้งสิ้น 967 ตันต่อชั่วโมง
กลุ่มบริษัทโกลว์ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รวมทั้งผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม ให้กับบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุดและนิคมใกล้เคียง
GDF SUEZ Energy International เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และเป็นสายงานธุรกิจหนึ่งของกลุ่ม GDF SUEZ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการด้านพลังงานระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GDF SUEZ หรือ GDF SUEZ Energy International ได้ที่ เวบไซต์ของบริษัท www.gdfsuezenergyint.com และ www.suezenergyint.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทโกลว์ ที่เวบไซต์ www.glow.co.th
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ
นาย ณัฐพรรษ ตันบุญเอก
บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)
โทร. 02-670-1500
Email : natthapatt@glow.co.th