“ควอลิตี้ เฮ้าส์” โชว์กำไรปี’51 โตกว่า 46% ส่ง 2 คอนโดหรู รุกตลาดปี’52

ข่าวอสังหา Monday March 2, 2009 15:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--ควอลิตี้ เฮ้าส์ควอลิตี้ เฮ้าส์” โชว์ผลประกอบการ ปี’51 กวาดรายได้กว่าหมื่นล้าน ปูพรมโปรเจคใหม่ ปี’52 จำนวน 10 โครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล มูลค่ารวมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ด้านหุ้นกู้ มี.ค. นี้ เล็งขาย 1.3 พันล้าน ตั้งเป้ารายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2551 บริษัทฯมีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน ซึ่งในปี 2551 บริษัทและบริษัทย่อยได้เปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 10 โครงการ ได้แก่ โครงการภายใต้แบรนด์ “ลัดดารมย์” และ “คาซ่าวิลล์” เพิ่มมากขึ้นจากปีก่อน ซึ่งเป็นบ้านระดับสูงและกลางตามลำดับ โดยเฉลี่ยอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 32.8% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2550 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 27.9% ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้โครงการบ้านสามารถทำกำไรขั้นต้นได้สูงขึ้น เนื่องจากโครงการฯตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและสินค้ามีคุณภาพเป็นที่ยอมรับจากลูกค้า อีกทั้งบริษัทและบริษัทย่อยมีมาตรการในการควบคุมและบริหารต้นทุนและระยะเวลาก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้โครงการมีต้นทุนลดต่ำลง และระยะเวลาในการพัฒนาโครงการสั้นลง โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2551 บริษัทฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 10,716 ล้านบาท เติบโต 3.4 % จากปี 2550 ที่มีรายได้รวม 10,364 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน 9,446 ล้านบาท เติบโต 4.3 % จากปี 2550 ที่มีรายได้ 9,058 ล้านบาท รายได้จากการขายหน่วยในอาคารชุดพักอาศัย 4 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและค่าบริการ 280 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารชุดพักอาศัยและค่าบริการ 890 ล้านบาท รายได้จากส่วนอื่นๆ 96 ล้านบาท บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 1,558 ล้านบาท เติบโต 46.1 % จากปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 1,066 ล้านบาท สำหรับปี 2552 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับในปีก่อน โดยบริษัทจะใช้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ด้วยการรักษาสภาพคล่องเงินสด และลดค่าใช้จ่าย โดยจะเลือกพิจารณาลงทุน และควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นมาเป็นอันดับแรก และเน้นการทำกำไรเป็นอันดับรองลงมา รวมทั้งปรับลดปริมาณและระยะเวลาการก่อสร้าง สต๊อกบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ด้านเงินลงทุนตั้งไว้ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบก่อสร้าง 5,000 กว่าล้านบาท และงบซื้อที่ดิน 600 ล้านบาท จากปี 2551 ใช้เงินลงทุนไปกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบก่อสร้าง 6,000 กว่าล้านบาท และงบซื้อที่ดินเกือบ 4,000 ล้านบาท ด้านแผนการดำเนินงานของปีนี้นายรัตน์ กล่าวว่า บริษัทฯมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ในรูปแบบบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม โดยบริษัทฯจะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ภายใต้แบรนด์ “พฤกษ์ภิรมย์” 1 โครงการ คือ พฤกษ์ภิรมย์ Regent ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ “ลัดดารมย์” 1 โครงการ คือ “ลัดดารมย์ วัชรพล-รัตนโกสินทร์” โครงการบ้านเดี่ยวระดับกลาง ภายใต้แบรนด์ “คาซ่าวิลล์” จำนวน 3 โครงการ คือ “คาซ่า Grand ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ” “คาซ่า Grand รัตนาธิเบศร์-ราชพฤกษ์” “คาซ่าวิลล์ พระรามสอง 2” และโครงการทาวน์โฮมหรู ภายใต้แบรนด์ “คาซ่า ซิตี้” จำนวน 3 โครงการ คือ “คาซ่า ซิตี้ พระราม 2” “คาซ่า ซิตี้ เอกมัย-รามอินทรา นวลจันทร์ 2” “คาซ่า ซิตี้ สุขุมวิท 101/1” โครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการ บนทำเลใจกลางเมือง มูลค่ารวม 5,700 ล้านบาทคือ“Q Langsuan” โครงการระดับ Super Hi-End มูลค่าโครงการประมาณ 3,400 ล้านบาท ระดับราคาขาย 180,000 — 200,000 บาทต่อตารางเมตร และ “Q. House Condo Sathorn” คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า มูลค่าโครงการประมาณ 2,300 ล้านบาท ระดับราคาขายประมาณ 74,000 — 94,000 บาทต่อตารางเมตร ทั้ง 2 โครงการ คาดว่าจะเริ่มเปิดขายไตรมาส 2 ของปีนี้ ทั้งนี้ในส่วนของการระดมเงินทุน บริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นกู้ภายในเดือนมีนาคมนี้ จำนวน 1,300 ล้านบาท อายุ 3 ปี อันดับความน่าเชื่อถือ A- จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนสถาบันการเงิน เพื่อเตรียมเงินทุนไว้รองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต คาดว่าหุ้นกู้ของบริษัทจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเหมือนอย่างเช่นเคย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ สำนักโฆษณาและประชาสัมพันธ์ โทร 0 2677 7000 ต่อ 721

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ