กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--อินโดรามา โพลีเมอร์ส
อินโดรามา ยิ้มรับกำไรสุทธิโตกว่า 44% แตะ 1,500 ล้านบาทปี 2551 ในขณะที่ กลุ่มธุรกิจ IRP ปริมาณการขายทั่วโลกมีอัตราการเติบโตถึง 57.4% มากกว่า 3.4% ของอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรม ย้ำควบคุมความเสี่ยงอย่าภายใต้ภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจ พร้อมอนุมัติปันผล 0.24 บาทให้ผู้ถือหุ้น
นายอาลก โลเฮีย ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) IRP เปิดเผยว่าในปี 2551 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,543 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.8% จาก 1,073 ล้านบาท ในปี 2550 มาเป็น 1,543 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของความต้องการในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และการขยายฐานธุรกิจของบริษัทฯ
“ปี 2551 นับว่าเป็นปีที่ดีของเรา ซึ่งบริษัท ฯ จะได้มีการควบคุมและการจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ในการบริหารงานสาขาทั่วโลกภายใต้ภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่า อุตสาหกรรมโดยรวมของธุรกิจ PET จะยังมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในปี 2552 ซึ่งจากการขยายฐานธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อมั่นว่า ผลประกอบการของบริษัท ฯ จะยังดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้” นายอาลกกล่าว
ในปี 2551 มาค่าสเปรดของผลิตภัณฑ์ เพิ่มขึ้นถึง 234 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือ คิดเป็นร้อยละ 15.27 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในปี 2550 ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 203 เหรียญสหรัฐต่อตัน
“ในส่วนของอัตรากำไร IRP มี อัตรากำไร คิดเป็นร้อยละ 7.3 โดยเราหวังว่า อัตราส่วนการทำกำไรของเราจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และตัวเลขทั้งหลาย ได้อธิบายถึงผลประกอบการอันแข็งแกร่งของเราได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว” นายอาลกกล่าว
ในปี 2551 อินโดรามามียอดขายสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 25,551 ล้านบาท มาเป็น 40,969 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 60.4 ทั้งนนี้เป็นเพราะปริมาณการขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 57.4 และราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ตามลำดับ ในขณะที่ อัตรากำไรก่อนหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) คิดเป็นมูลค่า 2,980 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.4% จาก 2,080 ล้านบาทในปี 2550
นายอาลก ยืนยันว่า อุตาสาหกรรมโพลีเมอร์ เป็นส่วนหนึ่งของความต้องการในชีวิตของผู้บริโภค จึงทำให้ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจนั้น ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโพลีเมอร์น้อยมาก โดยเฉพาะความต้องการที่เติบโตอย่างสูงใน บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน
ในปี 2551 บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ 2 แห่งในทวีปยุโรป และการเริ่มโครงการผลิตเม็ดพลาสติกขั้นกลาง Amorphous PET ที่โรงงานในจังหวัดลพบุรีประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 409,000 ตันต่อปี โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PET ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจ IRP สร้างปริมาณการขายทั่วโลกมีอัตราการเติบโตถึง 57.4% และนับว่าเป็นการเติบโตที่สูงกว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตเพียง 3.4%
“ซึ่งในปีที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหลายรายในยุโรปและสหรัฐอเมริกาปิดตัวลง ทำให้การเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของเรามีความได้เปรียบ ที่จะผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 1 ของปีนี้ ผลประกอบการก็ยังคงดีอยู่ ซึ่งเรามั่นใจว่ายอดขายของเราจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน” นายอาลก กล่าว
นอกจากนี้แล้ว ที่ประชุม คณะกรรมการบริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) IRP ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 0.24 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2552 (Record Date) และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 13 พฤษภาคม 2552 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 พฤษภาคม 2552
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 081-406-8811 (ทศ)