5 พันธมิตร ยึดยุทธศาสตร์ เกรทเทอร์ล้านนาอัดแคมเปญ “บัตรเดียวเที่ยว 5 ที่” กระตุ้นท่องเที่ยว กระจายรายได้ ลดปัญหาที่พัก

ข่าวท่องเที่ยว Friday March 31, 2006 12:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--รี้ด เทรดเด็กซ์
5 พันธมิตร ท่องเที่ยวผนึก ยึดยุทธศาสตร์ เกรทเทอร์ล้านนา ออกแคมเปญ “บัตรเดียวเที่ยว 5 ที่” ใบละ 500 บาท จำนวน 40,000 ใบ ใช้ได้นาน 3 เดือน กระตุ้นนักท่องเที่ยววางแผนเดินทางล่วงหน้าช่วงไฮ-ซีซั่น
นายสุขวัฒน์ จันทรปรรณิก รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการเตรียมจัดงาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ซึ่งจัดระหว่าง วันที่ 1พฤศจิกายน 2549 — 31 มกราคม 2550 เป็นระยะเวลา 92 วัน มีเป้าหมายจำนวนผู้เข้าชมงานตลอดระยะเวลาการจัดงาน ประมาณ 2 ล้านคน หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 20,000 คนต่อวัน และอาจสูงถึง 50,000 คนต่อวัน เนื่องจากตรงกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อยู่แล้ว ดังนั้นจึงผนึกพันธมิตรแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ยึดยุทธศาสตร์ Greater Lanna เป็นการลดปัญหาความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปชมงานราชพฤกษ์ 2549 รวมทั้งลดปัญหาด้านที่พักและเพื่อเป็นการกระจายการท่องเที่ยวและรายได้สู่จังหวัดใกล้เคียง
ทางผู้จัดงาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 จึงได้ผนึกพันธมิตรท่องเที่ยวล้านนา ประกอบด้วย โครงการพัฒนาดอยตุง หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เตรียมออกแคมเปญ “บัตรเดียวเที่ยว 5 ที่” สามารถใช้เป็นบัตรผ่านเข้าเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 5 แห่งข้างต้น โดยบัตรนี้สามารถใช้ได้ในระยะเวลา 3 เดือนคือ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2549— 31 มกราคม 2550 จำหน่ายในราคาใบละ 500 บาท มีจำนวนจำกัดเพียง 40,000 ใบเท่านั้น เริ่มจำหน่ายบัตร ตั้งแต่ 1กรกฎาคม — 30 กันยายนนี้เท่านั้น โดยจะจำหน่ายบัตรผ่านทางธนาคารกรุงไทย และ KTC ทุกสาขา โดยรูปแบบของบัตรจะออกแบบคล้ายพาสปอร์ตเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้
ด้านนางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวย้ำถึงการจัดทำบัตรเดียวเที่ยว 5 ที่นี้ จะมีผลต่อการส่งเสริมการตลาดอย่างมากในการกระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เตรียมวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ ซึ่งจากข้อมูลสถิตินักท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ในปี 2548 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบ 4 ล้านคน ซึ่งอยู่ในอัตราที่เพิ่มขึ้น 2.55% ในจำนวนดังกล่าวเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยมากกว่า 2.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นในสัดส่วน 2.81% ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีจำนวนกว่า 1.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นในสัดส่วน 2.24%
จากจำนวนนักท่องเที่ยวดังกล่าวทำรายได้เข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ มากกว่า 31,000 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่สูงถึง 3,000 กว่าบาทต่อคนต่อวัน มีระยะวันพัก 3.32 ส่วนนักท่องเที่ยวไทยใช้จ่ายเฉลี่ย 2,400 บาทต่อคนต่อวัน ระยะวันพัก 2.51 ในภาพรวมค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่มาจากการซื้อสินค้าของที่ระลึก ค่าใช้จ่ายด้านที่พักและค่าอาหารเครื่องดื่ม ซึ่งอยู่ในอันดับต้น ๆ ตามลำดับ นอกจากนี้สิทธิประโยชน์ของบัตรดังกล่าวที่สามารถเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 5 แห่งที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย ก็จะทำให้มีการเดินทางต่อเนื่องและคาดว่าน่าจะมีผลให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจขยายวันพักเพิ่มขึ้นด้วย
“จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เชิงวัฒนธรรม และเชิงธรรมชาติ อีกทั้ง จังหวัดเชียงใหม่ ถูกจัดอันดับ จากนิตยสาร Conde's Nest Traveller ให้เป็น 1 ใน 5 ของสุดยอดเมืองท่องเที่ยวแห่งเอเชีย (Top City of Asia) ซึ่ง นิตยสาร Conde's Nest Traveller เป็นหนึ่งในนิตยสารท่องเที่ยวชั้นนำของสหรัฐอเมริกา โดยทำการสำรวจความคิดเห็นจากสมาชิกผู้อ่านในหลายประเทศทั่วโลกกว่า 4 แสนคน เพื่อจัดอันดับ Readers Choice Awards ประจำปี 2548 ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี
การจัดแคมเปญ “บัตรเดียวเที่ยว 5 ที่” นี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวที่ให้ประโยชน์สูงสุดทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ อันจะนำไปสู่กระบวนการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวและผู้เป็นเจ้าของท้องถิ่นภายใต้ขีดความสามารถของธรรมชาติที่จะรองรับได้ และตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน ขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีต่อกระบวนการท่องเที่ยว อีกทั้งประชาชนทุกส่วนต้องได้รับผลประโยชน์ที่เกิดจากการท่องเที่ยวอย่างเสมอภาคกัน รวมถึงมีการจัดการทรัพยากรเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ยังสามารถรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและระบบนิเวศของท้องถิ่นนั้นไว้ได้อย่างดี” นางจุฑามาศ กล่าว
งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ 2549 กำหนดจัดขึ้นระหว่าง 1 พฤศจิกายน 2549 — 31 มกราคม 2550 ณ ตำบลแม่เหียะ จ.เชียงใหม่ รวม 92 วัน ซึ่งการเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ “ราชพฤกษ์ 2549” เป็นการจัดงานมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นงานประวัติศาสตร์ของประเทศและอยู่ภายใต้กรอบการจัดงานที่กำหนดโดยสมาคมพืชสวนนานาชาติและสำนักงานมหกรรมโลก โดยมีนโยบายที่จะให้พื้นที่จัดงานเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเชียงใหม่ และเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านพืชสวนของประเทศภายหลังการจัดงานจบสิ้นลง ส่งผลให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติหลายด้าน อาทิ ด้านการส่งออก ภาพลักษณ์ของประเทศด้านพืชสวน และด้านการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าในช่วงเวลา 3เดือนระหว่าง 1 พฤศจิกายน — 31 มกราคม 2550 มีเป้าหมายจำนวนผู้เข้าชมงานตลอดระยะเวลาการจัดงาน ประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งคาดว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มวันพักเฉลี่ยจากเดิม 4 วันเป็น 5 วันซึ่งจะสร้างรายได้ให้ประเทศไทยเพิ่มขึ้น 2,876 ล้านบาท และจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเพื่อเข้ามาชมงานจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยเพิ่มขึ้น 15,535 ล้านบาท และคาดว่าประเทศไทยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ประมาณ 18,411 ล้านบาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.royalfloraexpo.com
ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :- สำนักงานผู้บริหารงานปฏิบัติการ กิจกรรม และ ประชาสัมพันธ์
เกศินี พันธุ์ธีรานุรักษ์ โทร. 0-2686-7306 หรือ 01-9893416
email:kaesinee@royalfloraexpo.com
นวพร โรจน์อารยานนท์ โทร. 0-2686-7252 หรือ 05-9079490
email:nawaporn@royalfloraexpo.com
สุวรรณา จารุธนกิจพานิช โทร. 0-2686-7329 หรือ 01-6152558
email:suwanna@royalfloraexpo.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ