SIPA ร่วมกับ NECTEC โชว์ตัวเลขอุตสาหกรรมไอซีทีไทยโตต่อเนื่อง

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday March 3, 2009 08:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--เนคเทค สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ SIPA ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ NECTEC และเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย หรือ Software Park Thailand ได้ร่วมมือกันสำรวจตลาดอุตสาหกรรม ICT ในประเทศไทยประจำปี 2551 และประมาณการปี 2552 ซึ่งผลที่ได้รับจากการสำรวจภาพรวมอุตสาหกรรม ICT ไทยโดยรวมเท่ากับ 542,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 เป็นร้อยละ 8.3 ส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายในตลาดสื่อสาร 379,216 ล้านบาท รองลงมาเป็นตลาดคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ ตลาดคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ และตลาดด้านการบริการคอมพิวเตอร์ ตามลำดับ ซึ่งคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรม ICT ไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อาจลดลงเล็กน้อยจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศนั้น จำเป็นต้องมีการสำรวจตลาดอุตสาหกรรมเป็นประจำทุกปี เพื่อนำข้อมูลมากำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศในแต่ละปี จากข้อมูลที่ได้รับนั้นมูลค่าตลาดไอซีทีที่เกิดขึ้นนั้นจากการสำรวจอยู่ที่ประมาณ 542,854 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 8.3 อาจดูเหมือนว่ามีอัตราเจริญเติบโตที่ต่ำลง แต่ที่สำคัญเรามองภาพรวมของประเทศว่าการพัฒนาด้านไอซีทีของประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และเห็นได้ชัดเจนว่าในแต่ละปีประชาชนคนไทยใช้ไอซีทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการกำหนดนโยบายของรัฐบาลที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆในกลุ่มของอาเซียนที่มีการพัฒนาระบบไอซีทีให้มีความก้าวหน้าในระดับโลกได้อย่างไม่ยาก ดร.รุ่งเรือง ลิ้มชูปฎิภาณ์ ผู้อำนวยการ SIPA กล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์นั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่ง SIPA เองก็ได้ติดต่อทำข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างพันธมิตรหลายๆด้านเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในทุกๆด้านของการพัฒนาจนนำไปสู่การสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ แต่ส่วนสำคัญคือผู้ประกอบการซอฟต์แวร์เองต้องทำหน้าที่พัฒนาตัวเองควบคู่ไปด้วย จากตัวเลขมูลค่าตลาดของอุตสาหกรรม ICT ไทยโดยรวมเท่ากับ 542,854 ล้านบาท และเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ พบว่ามีมูลค่าตลาดเท่ากับ 62,937 ล้านบาทมีการเติบโตจากเดิมร้อยละ 11.2 และคาดว่าในปี 2552 ตลาดซอฟต์แวร์จะมีมูลค่าเท่ากับ 66,117 ล้านบาทคิดเป็นมูลค่าการเติบโตจากเดิมร้อยละ 5.1 ถ้าเรามองการเติบโตของปี 2552 ดูเหมือนว่าลดน้อยลงแต่ปัจจัยที่ควรสังเกตคือ ทุก 100 บาทที่มีการใช้จ่ายซื้อฮาร์ดแวร์นั้น จะมีการใช้จ่ายเพื่อซื้อคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์และการบริการด้านคอมพิวเตอร์ 83 บาท และ 33 บาทตามลำดับ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เนื่องจากจุบริษัทหรือผู้ประกอบการ SME จะต้องปรับปรุงการบริหารจัดการองค์กรของตนในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ โดยการใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาบริหารงานมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสิ่งที่ตามมาคือการขยายตัวของงานบริการด้านคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นจุดเด่นของผู้ประกอบการไทยอยู่แล้ว จากข้อมูลการสำรวจมูลค่าตลาดนั้น SIPA จะนำผลการสำรวจมาใช้ในการเพิ่มกลยุทธ์เและปรับนโยบายเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถ้อยเช่นนี้ โดยจะพยายามผลักดันให้ตลาดซอฟต์แวร์ให้มีมูลค่า 100,000 ล้านบาท โดยให้เพิ่มมากขึ้นจากมูลค่าการตลาดที่คาดการณ์ไว้ข้างต้น ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการ NECTEC กล่าวว่าการสำรวจตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทยประจำปี 2551 และประมาณการปี 2552 ซึ่งมีวัถตุประสงค์หลักเพื่อสำรวจมูลค่าการใช้จ่ายในสินค้าและบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Spending) ที่เกิดในประเทศไทย โดยตลาด ICT ที่ทำการสำรวจ ประกอบด้วย ตลาดคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ (Computer Hardware) ตลาดคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ (Computer Software) ตลาดบริการด้านคอมพิวเตอร์ (Computer Services) และ ตลาดสื่อสาร (Communications) การจัดเก็บข้อมูลมีขึ้นในระหว่างเดือนตุลาคม — พฤศจิกายน 2551 ด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) จากผู้ประกอบการรายหลักของตลาด (Key players) กว่า 200 รายทั่วประเทศ และใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ได้แก่ ข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐ รายงานประจำปี และข่าวสารต่างๆ รวมทั้งจัดประชุมร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) สมาคมส่งเสริมการส่งออกอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (TSEP) สมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA) สมาคมเคเบิ้ลลิ่งไทย (Thailand Cabling Association) เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (Software Park Thailand) และสมาคมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ไทย (ATCM) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเพื่อความถูกต้องครบถ้วน และท้ายที่สุดได้ตระหนักถึงปรับวิธีการและรูปแบบการสำรวจให้เป็นเชิงลึกเพิ่มมากขึ้นในปีต่อๆไป นายจำรัส สว่างสมุทร ที่ปรึกษาโครงการสำรวจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่าปี 2551 ที่ผ่านมานั้น สถานการณ์ในประเทศไทยมีความผันผวนในประเทศค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี และทวีความรุนแรงในช่วงปลายปี ประกอบกับความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลเด่นชัดในช่วงปลายปี โดยส่วนหนึ่งเป็นผลเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ ทำให้เกิดการชะลอการใช้จ่ายในภาครัฐ ปรากฏการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อตลาด ICT ในภาพรวมเช่นกัน จากการสำรวจ ในปี 2551 (ตารางที่ A -1) พบว่าประเทศไทยมีการใช้จ่ายในสินค้าและบริการด้าน ICT โดยรวมเท่ากับ 542,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2550 เพียงร้อยละ 8.3 ซึ่งน้อยกว่าที่ประมาณการไว้เล็กน้อย ที่ร้อยละ 13.1 อย่างไรก็ตาม พบว่าแนวโน้มของการใช้จ่ายในกลุ่มต่างๆ ยังคงในรูปแบบเดิม กล่าวคือ การใช้จ่ายส่วนใหญ่อยู่ในตลาดสื่อสาร ซึ่งคิดเป็น ร้อยละ 69.9 หรือมีมูลค่าสูงถึง 379,216 ล้านบาท ขณะที่ลำดับรองลงมา ได้แก่ การใช้จ่ายในตลาดคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ ตลาดคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ และ ตลาดบริการด้านคอมพิวเตอร์ คิดเป็นร้อยละ 13.9 ร้อยละ 11.6 และร้อยละ 4.6 ตามลำดับ โดยมีมูลค่าคิดเป็น 75,720 ล้านบาท 62,937 ล้านบาท และ 24,981 ล้านบาท ตามลำดับ และคาดว่าในปี 2552 ตลาด ICT จะมีการเติบโตจากปี 2551 ด้วยอัตราที่ลดลง คือเติบโตเพียงร้อยละ 5.2 ถือได้ว่าเป็นค่าต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา นอกจากปัจจัยด้านราคาที่ลดลงโดยปรกติแล้ว ยังคาดว่าเป็นผลกระทบสืบเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจจากทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ก่อตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2551 และส่งผลสืบเนื่องต่อมายังต้นปี 2552 อย่างไรก็ตาม ตลาดที่คาดว่าจะมีการเติบโตสูงสุดในปี 2552 ได้แก่ ตลาดบริการด้านคอมพิวเตอร์ เติบโตที่ร้อยละ 14.2 รองลงมา ได้แก่ ตลาดสื่อสาร และตลาดคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ เติบโตอยู่ที่ร้อยละ 5.6 และ 5.1 ตามลำดับ ในขณะที่ตลาดฮาร์ดแวร์นั้นคาดว่าจะไม่มีการเติบโตเท่าที่ควร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nectec.or.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0815711535 อรรถกร ศิริสุวรรณ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ