กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
บมจ.ไพลอน ประกาศคว้างานใหม่อีก 8 โครงการ มูลค่ารวม 139.73 ลบ. "บดินทร์ แสงอารยะกุล" เผยหนุน Backlog ทะลุ 200 ลบ. ตอกย้ำความมั่นใจปีนี้ปั๊มรายได้เข้าเป้า 500-700 ลบ. ได้แน่ เชื่อรักษาส่วนแบ่งในตลาดรับเหมาก่อสร้างฐานรากไว้ที่ระดับ 20% ได้สำเร็จเช่นเดียวกัน ส่วนหลังจากนี้จะเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานรัฐที่เริ่มลงตลาดมากขึ้น
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไพลอน (PYLON) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รับการยืนยันการจ้างงานก่อสร้างโครงการ ต่างๆ เพิ่มเติมจำนวนทั้งสิ้น 8 โครงการ รวมเป็นจำนวนเงิน 139,739,082.02 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีรายละเอียดของโครงการ ดังนี้ 1. โครงการ ร่วมฤดี โฮเต็ล เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร ของ บจ. ฟีโก้ ดีเวลลอปเม้นท์ มีระยะเวลาก่อสร้าง 60 วัน นับจากวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552
2. โครงการ เดอะ พาร์คแลนด์ ตากสิน-ท่าพระ เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) ของ บจ. นายารา เรสสิเดนส์ มีระยะเวลาก่อสร้าง 60 วัน นับจากวันที่เริ่มเจาะเสาเข็มต้นแรก 3. โครงการสนามกีฬาหัวหมาก เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) ของ บมจ. ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นหรือ STEC มีระยะเวลาก่อสร้าง 75 วัน นับจากวันที่ 15 มกราคม 2552 4. โครงการ ยู-ดีไลท์ แอท บางซื่อ สเตชั่น เป็นงานเสาเข็มเจาะ สำหรับงานอาคาร ของ บจ. แกรนด์ ยู ลิฟวิ่งมีระยะเวลาก่อสร้าง 60 วัน นับจากวันที่ 15 มกราคม 2552 5. โครงการ ชีวาทัย ราชปรารภ เป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับงานอาคาร ของ บจ. ชีวาทัย มีระยะเวลาก่อสร้าง 70 วัน นับจากวันที่เริ่มเจาะเสาเข็มต้นแรก
6. โครงการ ที เค ที อพาร์ทเมนท์ รามอินทรา เป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับอาคาร (งานเฉพาะค่าแรง) ของ บจ. กรุงธนเอนยิเนียร์ มีระยะเวลาก่อสร้าง 60 วัน นับจากวันที่เริ่มเจาะเสาเข็มต้นแรก 7. โครงการ MTP 07 - 156 MCB Distillation Crystallizer Foundation เป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับโรงงาน ของ บจ. บายออร์ ไทย มีระยะเวลาก่อสร้าง 18 วัน นับจากวันที่ส่งมอบพื้นที่ และ8. โครงการ มาราเกซ หัวหิน เรสซิเด้นท์ส เป็นงานเสาเข็มเจาะสำหรับอาคาร ของ บมจ. เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ระยะเวลาก่อสร้าง 150 วัน นับจากวันที่ 1 มีนาคม 2552
นายบดินทร์กล่าวอีกว่า หลังจากบริษัทฯ ได้รับงานชุดดังกล่าวทำให้ Backlog ในมือรอรับรู้เป็นรายได้อยู่ในระดับมากกว่า 200 ลบ. ซึ่งหลังจากนี้จะเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมา PYLON ไม่ได้กังวลถึงแม้ว่าปริมาณงานในตลาดจะลดลง เพราะยังคงมีงานบางส่วนที่ยังไหลเข้าตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2552 คาดว่าภาครัฐจะเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆซึ่งน่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณช่วงไตรมาสที่ 2-3 ของปี 2552 และที่ผ่านมาโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ- ตลิ่งชัน ได้ผู้ชนะการประมูลแล้ว ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ อยู่ระหว่างการประมูล ซึ่งจะช่วยให้มีงานเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นผลดีต่อ PYLON เนื่องจากมีความพร้อมในการรับงานในโครงการขนาดใหญ่เป็นอย่างดี ทั้งด้านกระแสเงินสดประสบการณ์ในโครงการขนาดใหญ่รวมทั้งเครื่องมือและบุคลากรที่มีอยู่อย่างครบครัน นอกจากนั้น ได้ขยายพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้รับงานได้กว้างขวางมากขึ้นแล้ว
" ยอมรับว่าในปีนี้จะเป็นอีกปีหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจอย่างยากลำบาก แต่จากประสบการณ์ และผลงานที่สร้างไว้เป็นจำนวนมากในตลาด ประกอบกับได้ปรับแผนทางธุรกิจหันไปให้ความสำคัญกับลูกค้าภาคเอกชนเพิ่มขึ้น จนทำให้งานในส่วนเสาเข็มยังเติบโตได้ แม้ว่าภาวะตลาดโดยรวมปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน ดังนั้นเมื่อเริ่มมีงานภาครัฐเริ่มไหลเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งเป็นผลดี เพราะจะมีรายได้เข้ามาทั้งทางภาครัฐและเอกชน เชื่อว่าจะทำให้บริษัทฯ สามารถรับงานเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกันได้ ทำให้ยังรักษาส่วนแบ่งในตลาดรับเหมาก่อสร้างฐานรากไว้ที่ระดับ 20% ซึ่งเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดในปัจจุบันไว้ได้ นอกจากนั้นเชื่อว่าจะผลักดันรายได้ให้ขึ้นสู่ระดับระดับ 500 — 700 ล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่ามูลค่าต่อโครงการจะลดลงไปตามราคาเหล็กและน้ำมันที่ลดลงก็ตาม" นายบดินทร์กล่าวในตอนท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : จุฬารัตน์ เจริญภักดี 089-4888337 / 02-5549395