กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--ก.ล.ต.
จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุมัติวงเงินลงทุนในต่างประเทศ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ขณะนี้มีวงเงินที่ได้รับอนุมัติแล้วทั้งสิ้น 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยวงเงินนี้จัดสรรให้กองทุนรวมสูงสุดรายละ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ และให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสูงสุดรายละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ วงเงินที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้ ก.ล.ต. ได้จัดสรรตามเกณฑ์ที่พิจารณาจากการใช้วงเงินที่ได้รับจัดสรรในครั้งก่อน โดยดูจากยอดการใช้ ณ วันที่ 30 เมษายน 2549 ดังนี้
ประเภทกองทุน ยอดการใช้วงเงิน(%ของวงเงินเดิมที่ได้รับจัดสรร) วงเงินที่ได้รับจัดสรรเพิ่มเติม(ล้านเหรียญสหรัฐ)
50% ขึ้นไป 25
กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป 25 - 50% 15
น้อยกว่า 25% 10
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 50% ขึ้นไป 10
สำหรับบริษัทจัดการที่ไม่เคยขอรับการจัดสรรวงเงินเดิมจะได้รับการจัดสรรวงเงินใหม่นี้ 25 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป และ 10 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส ก.ล.ต. กล่าวว่า "ก.ล.ต. อยากเห็นบริษัทจัดการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศในรูปแบบที่หลากหลาย เพราะนอกจากเป็นการเพิ่มช่องทางกระจายความเสี่ยงและทำให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจและบุคลากรของบริษัทจัดการ เพื่อรองรับการเปิดเสรีทางการเงินด้วย”
ทั้งนี้ วงเงินที่บริษัทจัดการได้รับจัดสรรสำหรับกองทุนทั้งสองประเภทสามารถนำมารวมกันได้ โดยภายในปี 2549 บริษัทจัดการจะต้องนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศอย่างน้อยร้อยละ 50 ของวงเงินทั้งหมดที่ได้รับจัดสรร มิฉะนั้น ก.ล.ต. จะเรียกวงเงินที่เหลือคืนครึ่งหนึ่งของวงเงินที่ได้รับจัดสรร เพื่อนำมาให้แก่บริษัทจัดการอื่นต่อไป และหากบริษัทจัดการใดใช้เงินลงทุนแล้วเกินกว่าร้อยละ 75 ของวงเงินทั้งหมดที่ได้รับจัดสรร ก็สามารถขอวงเงินเพิ่มเติมได้อีกครั้งละ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
ข้อมูลประกอบ
รายละเอียดการจัดสรรวงเงินลงทุนให้แก่บริษัทจัดการแต่ละแห่งปรากฏอยู่ในหนังสือเวียนที่ กลต.น.(ว) 18/2549 เรื่อง การจัดสรรวงเงินลงทุนในต่างประเทศสำหรับกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ครั้งที่ 2/2549 ซึ่งสามารถเรียกค้นได้ทาง www.sec.or.th หัวข้อกฎหมายและการใช้บังคับ หรือ http://capital.sec.or.th/webapp/nrs/nrs_main_search.php โดยระบุเลขที่หนังสือเวียนข้างต้น