กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--อาร์เอส
“ อาร์เอส ” ซื้อหุ้น 26 % ที่เหลือในบริษัท อาร์เอส เฟรชแอร์ เร่งเครื่องเดินหน้าลุยงานสนามฟุตบอล S-One แบบเต็มสูบ มุ่งหน้าขยายสาขาสนามฟุตบอลหญ้าเทียมในร่ม (7-A Side) ระดับพรีเมี่ยมใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมเปิดตัว “ วิญญลักษณ์ โสรัต ” ในฐานะบอสใหญ่บริหารสนามฟุตบอลแห่งนี้ มั่นใจเดินหน้าธุรกิจอย่างต่อเนื่องและผลักดันรายได้ปี 52 สู่เป้าหมายที่วางไว้
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า บริษัท ฯ ได้เข้ามาถือหุ้นในบริษัท อาร์เอส เฟรชแอร์ ในสัดส่วน 100 % เต็ม จากเดิมที่อาร์เอสได้ถือหุ้นใหญ่ของทางบริษัทฯ 74 % และกลุ่มของนายวินิจ เลิศรัตนชัย ได้ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 26 % ซึ่งการเข้าถือหุ้นแบบทั้งหมดในครั้งนี้ บริษัทฯพร้อมเร่งเครื่องเดินหน้าบริหารและขยายงานธุรกิจสนามฟุตบอล S-One ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลหญ้าเทียมในร่ม (7-A Side) ระดับพรีเมี่ยมใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราดปากซอย 48 ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วอย่างจริงจัง ด้วยกลยุทธ์การสร้างมูลค่าในเชิงมีเดียแบบเต็มรูปแบบ ผนวกกับสินทรัพย์ในกลุ่มของบริษัทฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าโดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกันอย่างลงตัว เพื่อให้สอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศที่ต้องชะลอตัวอย่างหนักในขณะนี้ โดยการปรับโมเดลธุรกิจในครั้งนี้ ได้แต่งตั้งผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอย่าง “นายวิญญลักษณ์ โสรัต” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด เข้ามานั่งแท่นบริหารสนามฟุตบอลอย่างเต็มตัว
ด้าน นายวิญญลักษณ์ โสรัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด ในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานหลังจากเข้ามาบริหารคือ การขยายสนามฟุตบอล S-One อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนการขยายในปี 52 ถึง 2-3 สนามด้วยกัน เพราะมองเห็นว่าแนวโน้มของธุรกิจนี้ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกปี จากการขยายตัวของสนามฟุตบอลที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แต่ยังไม่มีสนามใดที่นำเสนอสื่อประเภทนี้ในรูปแบบที่แตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าเหมือนกับสนามฟุตบอล S-One ด้วยการทุ่มงบลงทุนสนามละ 100 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับลูกค้าต่างๆ ซึ่งถ้าลูกค้าพร้อมเข้ามาสนับสนุนและร่วมลงทุนในสนามอื่นๆ ก็จะเดินหน้าขยายอย่างเต็มกำลัง
ทั้งนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเลือกทำเลที่ตั้ง โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ใจกลางเมืองแต่ต้องเป็นทำเลที่เป็นชุมชนและมีประชาชนอยู่มาก ทั้งนี้ยังคงคอนเซ็ปต์ของการเป็นสนามฟุตบอลและ Multipurpose Arena หรือสนามกีฬาอเนกประสงค์ เพื่อรองรับคอกีฬาฟุตบอล และรองรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องด้านกีฬาทั้งหมด รวมไปถึงการจัดงานอีเว้นท์สำคัญๆ จากสปอร์นเซอร์และลูกค้าทั่วไป ในลักษณะ Corporate Event อาทิ การเปิดตัวสินค้า , กีฬาสีบริษัท , มหกรรมงานโชว์ , กิจกรรมการประกวดต่างๆ หรือแม้กระทั่ง งานแต่งงาน
“ ผมถือเป็นความท้าทายในการทำงานอีกครั้ง หลังจากที่บริหารงานด้านอินสโตร์ มีเดีย จนถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพึงพอใจแล้ว และครั้งนี้เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ได้รับมอบหมายจากคุณสุรชัย โดยผมมองว่าธุรกิจสนามฟุตบอลในเมืองไทยยังสามารถขยายไปได้อีก เนื่องจากมี ดีมานด์ (Demand) มากกว่า ซัพพลาย (Supply) และเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างงดงาม เห็นได้จากรายได้ของสนามฟุตบอล S-One ที่สามารถทำรายได้อย่างต่ำถึง 60 ล้านบาทต่อปี โดย 70 % ของรายได้มาจากสปอนเซอร์ และอีก 30 % มาการให้เช่าสนาม ซึ่งผมมั่นใจว่าการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ของบริษัทฯในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯเกิดความคล่องตัวในการทำงานและสอดรับแผนงานที่ตั้งไว้ตอนต้นปีอย่างแน่นอน ” นายวิญญลักษณ์กล่าวทิ้งท้าย