BSEC ยืนยันธุรกิจ-ฐานะการเงินแข็งแกร่ง วางเป้าปี 52 ครองส่วนแบ่งตลาดติด TOP5

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 5, 2009 07:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--บล.บีฟิท "ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ" ยืนยันฐานะการเงิน BSEC แข็งแกร่ง กระแสเงินสดล้นมือ แถมอนาคตยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ย้ำมาร์เก็ตแชร์ปีนี้มีลุ้นติดอันดับ 1 ใน 5 โบรกเกอร์แถวหน้าของไทย ระบุเหตุที่ UOBKH ล้มดีลไม่เกี่ยวกับฐานะทางการเงินเพราะยังไม่ได้ทำดีลดิลิเจนท์ พร้อมแสดงความโปร่งใสลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นละเอียดยิบ ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) (BSEC) เปิดเผยถึงฐานะการเงินของบริษัทฯ ว่าอยู่ในสถานะที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 มีกำไรสุทธิในงบการเงินรวมบริษัทย่อยจำนวน 94.54 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.1171 บาท/หุ้น มีมูลค่าหุ้นตามบัญชี (Book Value) อยู่ที่ 2.63 บาท/หุ้น มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นกว่า 2,500 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดจำนวน 2,000 ล้านบาท ที่สำคัญมีหนี้เสียเพียง 3.6 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่ดี ในขณะเดียวกันสามารถบริหารลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้หนี้เสียอยู่ในอัตราค่อนข้างต่ำดังกล่าว สำหรับแผนงานต่อจากนี้ ทางด้านธุรกิจของ BSEC ยังมีแนวโน้มที่ดี โดยในช่วงที่ผ่านมาส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ของบริษัทขึ้นไปถึงระดับ 6.22% ซึ่งจากการบริหารงานที่มีศักยภาพและการให้บริการที่เข้าถึงลูกค้าและมีทีมผู้บริหารที่มีศักยภาพจึงทำให้มาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น และในปีนี้วางเป้าหมายเอาไว้ว่าจะทำให้ได้ในระดับประมาณ 5-6% และติดอันดับ TOP5 ให้ได้ โดย BSEC มีแผนจะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการการขยายฐานลูกค้า เพิ่มทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจให้กับผู้ลงทุนเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นผันผวนสูง จากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เป็นปัจจัยกดดันตลาดทั่วโลก ซึ่งเชื่อว่าด้วยการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกระจายช่องทางสร้างรายได้ให้หลากหลายมากขึ้น จะทำให้ BSEC สร้างรายได้และผลกำไรให้ขยายตัวต่อเนื่องได้ ดร.ประสิทธิ์กล่าวต่อถึงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่า เริ่มจากเมื่อวันที่ 18 ก.พ.2552 บริษัทฯได้แจ้งผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ว่าตามที่มีข่าวปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับกระแสนักลงทุนต่างชาติเจรจาขอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่นั้น บริษัทขอชี้แจงให้ทราบว่าปัจจุบันบริษัทยังคงมีการบริหารงานตามปกติและไม่ทราบถึงการเจรจาขอซื้อหุ้นดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ทำหนังสือสอบถามไปยังบริษัท เงินทุนกรุงเทพ ธนาทร จำกัด (มหาชน) (BFIT) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยให้ตอบกลับมาภายในวันนี้เวลา 12.00 น.แต่ปรากฏว่าปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับคำชี้แจงแต่อย่างใด ต่อมาวันที่ 19 ก.พ.2552 เวลา 09.30 น.ได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติม โดยชี้แจง กรณีข่าวนักลงทุนต่างชาติเจรจาเข้าซื้อหุ้น BSEC เพิ่มเติม กล่าวคือ บริษัทได้รับแจ้งจาก ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม ประธานคณะกรรมการว่า ท่านประธานได้รับหนังสือผ่านทางโทรสารจากบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน จำกัด (มหาชน) เรื่อง Proposal Brokerage Integration/Merger จาก Mr. Wee Ee-Chao ตำแหน่ง Chairman เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 13.41 น. จึงได้แจ้งมายังบริษัทโดยส่งหนังสือดังกล่าวผ่านทางโทรสารซึ่งมาถึงบริษัทในเวลา 14.41 น. แต่ปรากฏว่ารายละเอียดในหนังสือที่บริษัทได้รับนั้นมีข้อความไม่ชัดเจน และทางผู้บริหารของบริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อ จาก UOBKH แต่อย่างใด บริษัทจึงเรียนมายังท่านเพื่อโปรดทราบ หากมีความคืบหน้าอย่างไรบริษัทจะแจ้งให้ทราบต่อไป และในเวลา 13.56 น.วันเดียวกันได้ชี้แจงเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ว่าสืบเนื่องจากศ.ดร.วิษณุ เครืองาม ประธานคณะกรรมการบริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) ได้รับเอกสารผ่านทางโทรสารภายหลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 14.30 น. จากนั้นท่านประธานจึงได้ติดต่อ ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อแจ้งให้ทราบและสอบถามข้อมูล โดยท่านประธานได้มอบหมายให้ ดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ดำเนินการประสานงานเพื่อติดตามที่มาของหนังสือและพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้งเรื่องดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการชี้แจงให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบโดยตลอดแล้วนั้น โดยในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 10.05 น. บริษัทได้รับหนังสือจากบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (UOBKH) เรื่อง Proposed Brokerage Business Integration/Merger ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 ลงนามโดย Mr. Wee Ee-chao, Chairman ซึ่งบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ประธานคณะกรรมการบริษัททราบ พร้อมทั้งนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อพิจารณาทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอย่างไร บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ทราบต่อไป วันที่ 20 ก.พ.2552 ได้ชี้แจงเพิ่มเติมครั้งที่ 3 โดยระบุว่าตามที่บริษัทได้รับหนังสือจากบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (UOBKH) เมื่อวันที่19 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง Proposed Brokerage Business Integration/Merger ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 นั้น บริษัทขอเรียนให้ทราบว่าหนังสือฉบับดังกล่าวเป็นการแสดงความจำนงของ UBOKH ในการขอควบรวมกิจการ ซึ่งเป็นการควบรวมโดยการได้มาซึ่งธุรกิจ ทรัพย์สิน และพนักงาน (ไม่รวมถึงใบอนุญาตทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักทรัพย์) พร้อมทั้งการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดที่ถือโดยผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการศึกษาความเป็นไปได้ ของการควบรวมกิจ ซึ่งจะเริ่มขึ้นภายหลังจากที่บริษัทลงนามตกลงในหนังสือฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังมิได้พิจารณาถึงการลงนามในตอบรับในหนังสือฉบับดังกล่าว เนื่องจากอยู่ระหว่างการรอนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 วันที่ 24 ก.พ.2552 ทางบริษัทฯ ได้แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์ว่า ตามที่บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) ได้รับหนังสือแสดงความจำนงในการควบรวมกิจการจากบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (UOBKH) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552 นั้น บริษัทขอเรียนให้ทราบว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2552 ซึ่งประชุม เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 ได้มีมติให้บริษัทตอบรับการเข้าร่วมทำการศึกษาความเป็นไปได้ของการควบรวมกิจการ ตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในหนังสือ UOBKH เรื่อง Proposed Brokerage Business Integration/Merger ฉบับลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 และแต่งตั้งให้ดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ เป็นผู้แทนของบริษัทในการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับหนังสือแสดงความจำนงและการศึกษาความเป็นไปได้ของการควบรวมกิจการร่วมกับผู้แทนของ UOBKH ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมอย่างไร บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ทราบต่อไป วันที่ 2 มี.ค.2552 มีการแจ้งข้อมูลกับตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งว่าตามที่บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) ได้รับหนังสือแสดงความจำนงในการควบรวมกิจการจากบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (UOBKH) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552 นั้นและที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2552 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 ได้มีมติให้บริษัทฯ ตอบรับการเข้าร่วมทำการศึกษาความเป็นไปได้ของการควบรวมกิจการ ตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในหนังสือ UOBKH เรื่อง Proposed Brokerage Business Integration/Merger ฉบับลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 (LOI) โดยแต่งตั้ง ให้ดร.เวทางค์ พ่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ เป็นผู้แทนของบริษัทฯ ในการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับหนังสือแสดงความจำนงและการศึกษาความเป็นไปได้ของการควบรวมกิจการร่วมกับผู้แทนของ UOBKH นั้น บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่าในวันที่ 2 มีนาคม 2552 เวลา 9.43 น. ระหว่างการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2552 บริษัทฯ ได้รับหนังสือผ่านทางโทรสารจาก UOBKH ลงวันที่ 2 มีนาคม 2552 ระบุว่าเนื่องจาก UOBKH ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการควบรวมกิจการได้ ดังนั้น จึงแจ้งให้บริษัทฯ ทราบว่าUOBKH ไม่ประสงค์จะดำเนินการตามข้อเสนอในการขอควบรวมกิจการ รวมถึงการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์(Tender Offer) กับบริษัทต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้รับทราบข้อความตามหนังสือฉบับดังกล่าวแล้วหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมประการใดบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป "ฐานะของ BSEC มีความแข็งแกร่ง โดยพิจารณาจากฐานะการเงินงวดสิ้นปี 2551 ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะใช่สาเหตุที่ทำให้ UOBKH ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการควบรวมกิจการกับ BSECได้ เนื่องจากUOBKH ยังไม่ได้เข้ามาศึกษาหรือทำดีลดิลิเจนท์ BSEC เลย อย่างไรก็ตามได้เปิดเผยข้อมูลผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ โดย UOBKHแจ้งว่าสาเหตุที่หยุดดำเนินการตามแผนการเสนอขอร่วมธุรกิจ/ควบรวมกิจการ รวมถึงข้อเสนอเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อ เพราะจากการที่ได้ประชุมและเจรจากับผู้บริหารชั้นสูงของ บีฟิท ทางยูโอบี เห็นว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่สามารถบรรลุถึงข้อตกลงเกี่ยวกับโครงสร้างการร่วมธุรกิจ/ควบรวมกิจการที่จะเป็นที่พอใจแก่ทั้งสองฝ่ายได้" ดร.ประสิทธิ์ กล่าวในที่สุด ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : ณัฐิสินี ระเบียบนาวีนุรักษ์(เก๋) 081-4200753 หรือ 02-5549371

แท็ก BSEC   uob  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ