กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ตุรกีได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษทางการค้าของตุรกีโครงการใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 — 31 ธันวาคม 2552 โดยไทยถูกตุรกีตัดสิทธิ GSP ในสินค้ากลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ (พิกัดฯ 71) และได้รับการคืนสิทธิ GSP สินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนฯ (พิกัดฯ 86-89) ซึ่งครอบคลุมสินค้ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถไฟ เครื่องบิน เรือ และชิ้นส่วนของสินค้าดังกล่าว
ผู้ส่งออกไทยจึงควรใช้โอกาสจากการได้รับการคืนสิทธิพิเศษทางการค้า (GSP) เร่งส่งออกสินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไปยังตุรกีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยผู้ส่งออกสามารถขอหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Form A) จากสำนักบริการการค้าต่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบอัตราภาษีการนำเข้าสินค้าของตุรกีทุกรายการได้จาก เว็ปไซต์ www.gumruk.gov.tr หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1385 กรมการค้าต่างประเทศ
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2551 ไทยส่งสินค้าไปยังตลาดตุรกี มูลค่า 1,120.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 8.26 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถบรรทุกชนิดแวนและปิกอัพ (พิกัดฯ 870421) เส้นใยประดิษฐ์ (พิกัดฯ 550410) เม็ดพลาสติก (พิกัดฯ 390410) และยางพารา (400122) เป็นต้น โดยในปี 2551 ไทยส่งออกสินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนฯ (พิกัด 86-89) ไปยังตุรกีมูลค่า 249.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ร้อยละ 44.23 ทั้งนี้ คาดว่าการคืนสิทธิดังกล่าวจะช่วยบรรเทาปัญหาการชะลอคำสั่งซื้อสินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนของผู้นำเข้าตุรกีอันเนื่องมาจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้