กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--พี อาร์ โซลูชั่น
เพียว มุ่งขยายตลาดดีเซล เพียวB5 หลังเปิดตัวโรงงานผลิตน้ำมันไบโอดีเซลเป็นผลสำเร็จ และอัตราการเติบโตในกลุ่มน้ำมันดีเซลของเพียว สูงขึ้นถึง 14%ในขณะที่ตลาดรวมปี 2551 ไม่ขยายตัวเมื่อเทียบกับปี 2550 โดยในปีนี้ นอกจากการเตรียมพร้อมเพื่อรุกตลาดดีเซล บี5 เต็มพิกัด เร่งอัดฉีดงบประมาณกว่า 30 ล้านบาท เน้นการทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์และการตลาดเชิงรุก พร้อมปรับภาพลักษณ์สถานีบริการใหม่ ด้วยการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งขึ้น มั่นใจปั๊มเพียว ทุกสาขาพร้อมจำหน่าย เพียว B5 ได้100 % ในในไตรมาสแรก และคาดว่า อัตราการเติบโตของเพียว บี5 จะเพิ่มขึ้นถึงกว่า 3 เท่า หรือประมาณ 50 ล้านลิตร และจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มดีเซล B5 ขึ้นมาอยู่ในระดับ Top Five ภายในปีนี้
นางสาว กนกพร จารุกุลวนิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพียว พลังงานไทย จำกัด บริษัทในเครือ บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปีที่ผ่าน จากนโยบายส่งเสริมการใช้ดีเซล บี5 โดยกระทรวงพลังงาน ซึ่งใช้กลไกทางภาษี เพื่อให้ราคาถูกกว่าดีเซล ทำให้ตลาดค้าปลีกน้ำมัน มียอดการจำหน่ายน้ำมันดีเซล B5 เติบโตขึ้นกว่า 5 เท่า หรืออยู่ที่ 2,022 ล้านลิตร เมื่อเทียบกับปีก่อน ในส่วนของเพียว ซึ่งเริ่มจำหน่ายน้ำมันดีเซล เพียวบี 5 มาได้เพียงปีเดียว ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมียอดจำหน่ายเพียว บี 5 ทดแทนน้ำมันดีเซลถึงร้อยละ 20 และทำให้ยอดจำหน่ายดีเซลรวมของเพียว เพิ่มขึ้นถึง 14 % ซึ่งสวนกระแสเศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบัน และเนื่องจากในปีนี้ โรงงานเพียวไบโอดีเซล ในเครือระยองเพียว ได้เริ่มเดินเครื่องผลิตไบโอดีเซลแล้ว เมื่อต้นปี ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เพียว มั่นใจที่จะขยายตลาด บี 5 อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายที่เพิ่มยอดขายน้ำมันดีเซลเพียวบี 5 ทดแทนดีเซลให้ได้ 60% ในปีนี้ โดยในไตรมาสแรก ปั้มเพียว จะสามารถเปิดจำหน่าย เพียว B5 ได้ครบทุกสาขา พร้อมยกเลิกการจำหน่ายดีเซล และเปลี่ยนมาจำหน่าย เพียว บี 5 ทั้งหมดในบางสาขา
สำหรับแนวทางการรุกตลาดไบโอดีเซล B5 ของเพียวในปีนี้ เพียวยังคงให้ความสำคัญต่อการจัดกิจกรรมเชิงรุก ทั้งในส่วนของกิจกรรมประชาสัมพันธ์และการตลาดเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจถึงคุณประโยชน์ และคุณสมบัติ ที่ได้มาตรฐาน ของ เพียว B 5 ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงให้กับลูกค้า และจัดรายส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบของ โรดโชว์ เพื่อจูงใจให้ลูกค้าทดลองใช้
รวมถึงเน้นการให้ความสำคัญต่อการปรับภาพลักษณ์สถานีบริการให้สวยงาม พร้อมพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ โดยใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท ส่วนการขยายสาขา เพียว ให้ความสำคัญกับการเลือกทำเลที่เหมาะสม เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้รู้จัก และมีส่วนร่วมใช้ประสบการณ์การบริการของเพียวเพิ่มมากขึ้น โดยฉพาะในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล รวมถึงการให้ความสำคัญต่อผู้ที่สนใจจะดำเนินธุรกิจสถานีบริการในรูปแบบการร่วมธุรกิจกับเพียว ”นางสาวกนกพร กล่าวและ สรุปเพิ่มเติมว่า
“ อย่างไรก็ดี จากภาพรวมสถานการณ์ค้าปลีกน้ำมัน โดยเฉพาะในส่วนของ กลุ่มน้ำมันไบโอดีเซล ในปีนี้ เรามองว่า ไบโอดีเซล B5 จะเป็นกลุ่มน้ำมันที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นพลังงานที่สะอาดเพราะผลิตจากปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชผลทางการเกษตร ที่ช่วยเศรษฐกิจภาคการเกษตรโดยรวมและช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเทรนด์การตลาดที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้แล้ว ในด้านของราคา ไบโอดีเซล B5 ยังได้รับความสนับสนุนจากมาตรการส่งเสริมทางด้านราคา จากภาครัฐ ผลักดันให้ราคาน้ำมัน ไบโอดีเซล B5 ถูกกว่า ดีเซลที่ใช้กันอยู่ถึงลิตรละ 2 บาท อีกทั้งส่วนในด้านคุณสมบัติของไบโอดีเซล บี5 ก็ยังเป็นน้ำมันดีเซลที่สามารถใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลทุกชนิดโดยไม่ต้องปรับแต่งเครื่องยนต์แต่ประการใด รวมถึงยังช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้คล่องขึ้น สตาร์ทติดง่าย เดินเรียบ และสามารถหล่อลื่นดีกว่าน้ำมันดีเซลปกติซึ่งช่วยลดการสึกหรอภายในได้อีกด้วย ”
บริษัทจึงมั่นใจว่าด้วยศักยภาพการดำเนินงานที่ครบวงจร ของเครือระยองเพียว ตั้งแต่การผลิต ไม่ว่าจะเป็น ส่วนของโรงกลั่นน้ำมัน โรงผลิตน้ำมันไบโอดีเซล คลังน้ำมัน และการขนส่งน้ำมันจนถึงจุดจำหน่ายน้ำมันตามสถานีบริการต่าง ๆ ให้ถึงมือผู้บริโภค อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยผลักดันอัตราการเติบโตของยอดจำหน่ายเพียว บี5 ในปีนี้ ให้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 3 เท่า หรือคิดเป็น 50 ล้านลิตร โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ดีเซลของเพียวทั้งหมดจาก 20 % ในปัจจุบัน เป็น 60 % ภายในปีนี้ ซึ่งจะผลักดันให้เพียว ขึ้นเป็น Top Five หรือ 1 ใน 5 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในตลาดไบโอดีเซล”นางสาวกนกพรกล่าวสรุป
สำหรับภาพรวมธุรกิจบริษัทในปี 2551 ที่ผ่านมา เพียวมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 16% โดยมีรายได้กว่า 3,800 ล้านบาท โดยยอดจำหน่ายของเพียวกว่า 70 เปอร์เซนต์เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มน้ำมันดีเซล (บี2 และบี5) และอีก 30 เปอร์เซนต์มาจากกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ บริษัท พี อาร์ โซลูชั่น จำกัด : โทรศัพท์ 0-2656-8059 www.prsolution.co.th
คุณจิตฤทัย ทัดเสรีวิบูลย์
โทรศัพท์ 0-81613-1865