กรุงเทพฯ--9 มี.ค.--ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) (MINT) มีความยินดีที่จะประกาศว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทและบริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ได้มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อขจัดการถือหุ้นไขว้(MINOR) ระหว่างทั้งสองบริษัท ส่งผลให้โครงสร้างการถือหุ้นมีความเหมาะสมและโปร่งใส
โดยจากแผนดังกล่าว บริษัทจะทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ MINOR ทั้งหุ้นสามัญและใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น MINOR เพื่อแลกกับหุ้นและใบสําคัญแสดงสิทธิที่ออกใหม่ของบริษัท นอกจากนี้ เพื่อเป็นการขจัดการถือหุ้นไขว้ระหว่างทั้งสองบริษัท MINT จะดําเนินการลดทุนแบบเฉพาะเจาะจงในส่วนที่ถือโดย MINOR จากนั้น หุ้นของ MINOR จะถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ การทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ MINOR มีมูลค่าทั้งหมด 3.9 พันล้านบาท อ้างอิงจากราคาหุ้นของ MINT ที่ 7.55 บาทต่อหุ้น (ราคาปิด ณ วันทําการก่อนหน้าวันที่คณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบแผนการปรับโครงสร้าง) ผู้ถือหุ้นของ MINOR ที่ตอบรับคําเสนอซื้อในครั้งนี้จะสามารถแลกหุ้นสามัญในอัตราส่วน 1 หุ้นของ MINOR ต่อ 1.14 หุ้นของ และผู้ถือMINT ใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นของ MINOR ตามโครงการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่กรรมการและพนักงาน (Employee Stock Ownership Program, ESOP) ที่ต้องการตอบรับคําเสนอซื้อสามารถแลกใบสําคัญแสดงสิทธิดังกล่าวได้ในอัตราส่วนต่างๆที่กําหนดไว้ ตามเงื่อนไขของการออกใบสําคัญแสดงสิทธิในโครงการ ESOP โดยหากผู้ถือหลักทรัพย์ทั้งหมด ของ MINOR ตอบรับคําเสนอซื้อในครั้งนี้ บริษัทจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จํานวน 511 ล้านหุ้นและใบสําคัญแสดงสิทธิใหม่จํานวน 5.4 ล้านหน่วย
ภายหลังจากการได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของMINT และ MINOR ในครั้งนี้ แผนการปรับโครงสร้างจะต้องไม่มี เจ้าหนี้รายใดคัดค้านและต้องได้รับความเห็นชอบจากสํานักงานกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งภายหลังจากการได้รับความเห็นชอบดังกล่าว บริษัทจะดําเนินการทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ MINOR โดยมีระยะเวลาการทําคําเสนอซื้อไม่น้อยกว่า 25 วันทําการ แต่ไม่เกิน 45 วันทําการ
บริษัทมีความยินดีที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างทางธุรกิจเนื่องจากแผนดังกล่าวจะเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทในหลายๆ ด้าน เช่น
- ขจัดการถือหุ้นไขว้ระหว่างทั้งสองบริษัท ส่งผลให้โครงสร้างการถือหุ้นมีความเหมาะสมและโปร่งใส
- ลดทุนจดทะเบียนและเรียกชําระแล้วของบริษัทอย่างน้อยจํานวน 376 ล้านหุ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มกําไรต่อหุ้น (Earnings per share) และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity)
- อาจทําให้บริษัทสามารถรับรู้ผลการดําเนินงานและงบการเงินของ MINOR ในงบการเงินรวมของบริษัท เพื่อช่วย กระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันและเพิ่มโอกาสในการลดค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) เป็นผู้นําในธุรกิจอาหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ประกอบไปด้วยร้านอาหารจํานวน 1,043 สาขา ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะ พิซซ่า คอมพานี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ควีน เบอร์เกอร์คิง ไทยเอ็กซ์เพรส และเดอะ คอฟฟี่ คลับ นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้นําในการดําเนินธุรกิจโรงแรมซึ่งประกอบด้วย 27 โรงแรม ภายใต้เครื่องหมายการค้า อนันตรา แมริออทส์ โฟร์ซีซั่นส์ เอเลวาน่า และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในประเทศไทย มัลดีฟส์ เวียดนาม แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอินโดนีเซีย ในเดือนมกราคม ปี 2552 MINT ได้รับการยอมรับจากนิตยสารเอเชียมันนี่ว่าเป็นบริษัทที่มีการจัดการดีเยี่ยมในกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดกลางของประเทศไทย (Best Managed Medium Cap Company) ซึ่งพิจารณาจากผลการดําเนินงาน การดําเนินกลยุทธ์ และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ตลอดจนการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minornet.com
บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) เป็นผู้นําด้านการจัดจําหน่ายสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศในประเทศไทย ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสําอางค์ และผลิตภัณฑ์เพื่อการศึกษา โดยเครื่องหมายการค้าที่บริษัทเป็นผู้จัดจําหน่ายในปัจจุบันได้แก่ เอสปรี เรดเอิร์ธ บอสสินี่ ทิมเบอร์แลนด์ ชาร์ลสแอนด์คีธ บลูม ลาเนจ สแมช บ็อกซ์ ทูมี่ เฮงเคล ไทม์ไลฟ์ และเวิลด์บุ๊ค นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้นําในธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้า โดยมีโรงงานเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน MINT โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 18.6 ของทุนจดทะเบียนที่ชําระแล้วในปัจจุบัน รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.minornet.com
Press Contacts: Pratana Mongkolkul / Prapharat Tangkawattana at Tel: (662) 381-5151