“ปาปา โรตี” รุกหนัก “คุกกี้ บัน” มาสเตอร์ แฟรนไชส์ ปูพรมเอาท์เล็ททั่วประเทศ ส่ง Moblie Unit ลุยตลาด พร้อมแตกไลน์สินค้าเครื่องดื่มแบรนด์ “ปาปา”

ข่าวทั่วไป Friday May 19, 2006 15:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์
เอเชียฟู้ดส์ คอนเนคชั่น มาสเตอร์ แฟรนไชส์ “ปาปา โรตี” ชูไทยเป็นต้นแบบการผลิต แตกไลน์สินค้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และพัฒนารสชาติ “คุกกี้ บัน” ให้หลากหลาย มั่นใจจุดแข็งร่วมทุนกับเจ้าของแบรนด์ต้นตำรับ “คุกกี้ ครีม ทอปปิ้ง” จากมาเลเซีย ผุดโรงงานมูลค่า 10 ล้านบาท เน้นคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพดีจากไทยป้อนแฟรนไชส์ซี่ Strategic Partner ที่มีราว 10 รายแล้ว เตรียมเปิดตัว Mobile Unit เสริมทัพเอาท์เล็ททั่วประเทศ หวังเสริฟลูกค้าแบบประชิดตัวเร็วๆ นี้ ในอนาคตมีแผนเปิดตลาดที่ฟิลิปปินส์ เกาหลี และเวียดนาม
นายชัชวาล แดงบุหงา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียฟู้ดส์ คอนเนคชั่น จำกัด มาสเตอร์ แฟรนไชส์ "ปาปา โรตี” กล่าวว่า บริษัท เอเชียฟู้ดส์ฯ เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างผู้ถือหุ้นจาก มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 3.6 ล้านบาท ถือเป็นมาสเตอร์ แฟรนไชส์ ของแบรนด์ “ปาปา โรตี” ที่ได้รับสิทธิการขายในประเทศไทย เปิดดำเนินการสาขาแรกที่เซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันมีเอาท์เล็ทที่ เดอะมอลล์ 2 รามคำแหง, รามคำแหง ซอย 35 (ใกล้ Big C), แฟชั่น ไอส์แลนด์ และเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า มีแฟรนไชส์ซีที่ให้ความสนใจซื้อแบรนด์ “ปาปา โรตี” ไปดำเนินการแล้วประมาณ 10 ราย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้(2549) จะเปิดดำเนินการได้ทั้งหมด 70-100 สาขา โดยมีเป้าหมายรายได้ 150 ล้านบาท เพื่อครองส่วนแบ่งตลาดขนมปังบันให้ได้ 60-70%
โดยภายในเดือนพฤษภาคม 2549 จะเปิดดำเนินการได้ 7 สาขา คือที่ สีลม, โลตัส อ่อนนุช, สุขุมวิท ซอย 5,เซ็นทรัล พระราม 2 ,คาร์ฟูร์ รัชดา, เดอะมอลล์ ท่าพระ และเซ็นทรัล แอร์พอร์ต(เชียงใหม่) และอีก 11 สาขาในกรุงเทพฯ ภายในเดือนมิถุนายน เช่น เดอะมอลล์: บางกะปิ, งามวงศ์วาน และ บางแค ,เซ็นทรัล: ลาดพร้าว และรัตนาธิเบศร์, MBK(SF), โลตัส บางกะปิ และโลตัส บางใหญ่ ส่วน ต่างจังหวัดคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้มากกว่า 10 สาขา ภายในเดือนกรกฎาคม 2549 เช่นที่ โลตัส พัทยา, โลตัส ชลบุรี, โลตัส อยุธยา, โลตัส สระบุรี และสาขาของโลตัสในภูมิภาค, บิ๊กซี นครสวรรค์,ราชบุรี ,มหาชัย/ สมุทรสาคร และเชียงราย
“และภายในเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่าจะสามารถขยายโปรดักส์ไลน์ที่จะมีจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เช่น เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “ปาปา” นอกจากนี้ยังมีแผนจะเพิ่มรสชาติให้ “ปาปา โรตี” มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะสามารถแนะนำรสชาติใหม่ๆ ได้ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดตัว Mobile Unit ในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพของสินค้า และรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการจัดงานเลี้ยง หรือจัดอีเวนท์ โดย Mobile Unit ของ “ปาปา โรตี” มีด้วยกัน 2 ขนาด คือ ขนาดเล็กสามารถผลิตได้ 540 ชิ้นต่อชั่วโมงหรือราว 4,500 ชิ้นต่อวัน และขนาดใหญ่สามารถผลิตได้ 750 ชิ้นต่อชั่วโมงหรือราว 6,100 ชิ้นต่อวัน”
สำหรับการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์นั้น กำหนดให้ shop มีขนาดพื้นที่ระหว่าง 20-50 ตรม. ใช้งบประมาณการลงทุนประมาณ 1.5 - 2 ล้านบาทต่อสาขา โดยรวมค่าก่อสร้าง ตกแต่ง อุปกรณ์ และค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ ไว้แล้ว สามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 2.5 — 3 เดือน
ด้านมร.ไมค์ ชาน กรรมการบริษัท เอเชียฟู้ดส์ คอนเนคชั่น จำกัด ผู้ริเริ่มคิดค้นและพัฒนาสูตรขนมปังที่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างขนมปังเนยสด,คุกกี้ และกาแฟ ซึ่งเรียกว่า “Cookie Bun” จากประเทศมาเลเซีย และเป็นผู้ดูแลกระบวนการผลิตในโรงงาน กล่าวถึงจุดแข็งของ “ปาปา โรตี” ว่า
“เรามีโรงงานผลิตภายใต้การควบคุมคุณภาพในมาตรฐานสูงในประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายของเราที่ต้องการให้สินค้าผลิตในประเทศในทุกกระบวนการ เพื่อความสด ใหม่ เลือกใช้วัตถุดิบที่มี คุณภาพสูงของไทยที่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคในสัดส่วน 60 : 40 เช่น แป้งโปรตีนสูง, น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่มีปริมาณคอเลสเตอรอลต่ำ เป็นต้น และใช้วัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศ ได้แก่ เมล็ดกาแฟชั้นนำที่เป็นพันธุ์ผสมจากละตินอเมริกาและเอเชีย ซึ่งทำให้ “ปาปา โรตี” มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติโดยปราศจากการปรุงแต่งด้วยเคมี รสชาติอร่อย กรอบนอก นุ่มใน สีเหลืองทองน่ารับประทาน ด้วย Cookie Cream Topping รสกาแฟหอมกรุ่น มีกำลังการผลิต 60,000 ชิ้นต่อวัน และสามารถขยายได้ถึง 80,000 ชิ้นต่อวัน เพื่อรองรับจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“ปาปา โรตี” ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมอย่างมากในมาเลเซีย โดยปัจจุบันมีสาขาที่มาเลเซียกว่า 20 สาขา ด้วยยอดขายกว่า 3,000 ชิ้น/ วัน/ สาขา มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 70% เมื่อปี 2547 เริ่มขยายสาขาไปยังสิงคโปร์ (2 สาขา) และต่อมาในปี 2548 ได้ไปเปิดสาขาที่ เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน จากนั้นจึงได้เข้ามายังประเทศไทยในช่วงต้นปี 2549 พร้อมกับการขยายสาขาไปยังประเทศอินโดนีเซีย ในอนาคตมีแผนเปิดตลาดที่ฟิลิปปินส์ เกาหลี และเวียดนาม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท โปรคอมมิวนิเคชั่นส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด
โทรศัพท์ 0 2691 6302-4, 0 2274 4961-2
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ