กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า ตามที่ไทยได้ทำความตกลงการค้าเสรีไทย — ออสเตรเลีย (TAFTA) และไทย — นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2548 และวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 ตามลำดับ นั้น
ภายใต้ความตกลงดังกล่าว ไทย — ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ได้ตกลงให้มีการใช้มาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguards) โดยกำหนดปริมาณและอัตราภาษีนำเข้าซึ่งต่ำกว่าภาษีนำเข้าปกติสำหรับสินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าอ่อนไหว เพื่อให้ภาคการผลิตภายในประเทศมีเวลาปรับตัว กล่าวคือ หากมีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวเกินปริมาณที่กำหนด (Trigger Volume) ประเทศผู้นำเข้าสามารถกลับไปใช้ภาษีนำเข้าปกติได้ สำหรับไทยได้มีการใช้มาตรการปกป้องพิเศษสำหรับสินค้านำเข้า ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมู เครื่องในสัตว์ นม และครีม หางนม เนย ไขมันนม เนยแข็ง บัตเตอร์มิลค์ น้ำผึ้งธรรมชาติ ส้มแมนดาริน องุ่นสด และมันฝรั่งแปรรูป เป็นต้น
ทั้งนี้ ในปี 2551 ไทยได้มีการนำเข้าสินค้าที่มีมาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ครบโควตาที่กำหนด ดังนี้
ออสเตรเลีย ได้แก่ เนื้อวัว เครื่องในวัว เครื่องในหมู รวมลิ้น ตับ เนยแข็งสดและเป็นผง เนยแข็งอื่น ๆ รวมครีมชีส และองุ่นสด
นิวซีแลนด์ ได้แก่ เครื่องในวัว เนยเหลว Anhydrous milk fat เนยแข็งสด และเนยแข็งอื่น ๆ รวมครีมชีส
สำหรับปี 2552 (ม.ค. — ก.พ.) ไทยได้มีการนำเข้าสินค้า SSG จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ครบโควตาที่กำหนดแล้ว ดังนี้
ออสเตรเลีย ได้แก่ หางนม เนยแข็งสด และเนยแข็งอื่น ๆ และองุ่นสด
นิวซีแลนด์ ได้แก่ เนยเหลว
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้นำเข้าสินค้า SSG สามารถติดตามการนำเข้าสินค้าดังกล่าวได้จากเว็บไซต์ของกรมศุลกากร www.customs.go.th ส่วนอัตราภาษีของสินค้า SSG สามารถดูได้จากเว็บไซต์ www.thaifta.com