อียูเตรียมออกมาตรการเสริมคุมเข้มการตรวจสอบผักผลไม้สดนำเข้า

ข่าวทั่วไป Wednesday March 11, 2009 15:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--คต. กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เตือนผู้ประกอบการส่งออกผักและผลไม้ไปอียูเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ยาฆ่าแมลงจากเดิมให้มากขึ้น เนื่องจากขณะนี้อียูเตรียมออกมาตรการเพิ่มระดับการควบคุมและตรวจสอบยาฆ่าแมลงตกค้างในผักผลไม้ ณ ด่านนำเข้าอย่างเข้มงวด นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงบรัสเซลส์ว่า ขณะนี้ อียูได้เตรียมจัดทำร่างระเบียบเพื่อออกมาตรการเสริมในการควบคุมการตรวจสอบสินค้าผักผลไม้สดนำเข้า โดยจะตรวจเข้มทันที 50% ณ ด่านนำเข้า จากเดิมตรวจเพียง 10% ของปริมาณการนำเข้า และสัดส่วนการตรวจสอบอาจมีความเข้มงวดเพิ่มขึ้นได้ตามผลการตรวจสอบที่พบ ซึ่งจะมีการทบทวนทุก 3 เดือน โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ปลายปี 2552 นี้ สำหรับสินค้าผักของไทยที่จะถูกตรวจสอบยาฆ่าแมลงตกค้างอย่างเข้มงวดเพิ่มขึ้น ขณะนี้มี 3 รายการ ได้แก่ ถั่วฝักยาว มะเขือ และกะหล่ำปลี การดำเนินการของอียูดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการตรวจพบยาฆ่าแมลงตกค้างในสินค้าผักผลไม้ และได้มีการแจ้งเตือนประเทศสมาชิกผ่านระบบเตือนภัยเร่งด่วนสำหรับอาหารมนุษย์และอาหารสัตว์ (Rapid Alert System for Food and Feed : RASFF) รวมทั้งผลการประเมินของคณะตรวจสอบของอียูที่เดินทางมาตรวจประเมินการควบคุมยาฆ่าแมลงตกค้างในประเทศผู้ส่งออก รวมทั้งประเทศไทย สำหรับไทยในปีที่ผ่านมามีสินค้าผักที่ถูกแจ้งเตือนผ่านระบบดังกล่าวจำนวนมาก เช่น โหระพา กระถิน กะเพรา กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ผักชี และมะเขือม่วง เป็นต้น โดยปัญหาสารเคมีที่ถูกตรวจพบว่ามีมากเกินมาตรฐาน อาทิ Carbendazim, Chlorpyrifos, Cypermethrin, Ethion และ Metalazyl เป้นต้น นอกจากนี้ ยังมีการตรวจพบสารที่อียูไม่อนุญาตให้ใช้ จำนวน 2 ชนิด คือ Dictrotophos และ EPN อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การนำเข้าสินค้าผักสดหรือแช่เย็น แช่แข็งจากไทย ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเพื่อบริโภคของชุมชนคนเอเชียในยุโรปเป็นหลัก การที่ไทยจะสามารถรักษาตลาดสหภาพยุโรปไว้ได้จำเป็นต้องดำเนินการตามระเบียบความปลอดภัยด้านอาหารที่เข้มงวดของสหภาพยุโรป ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรเร่งปรับปรุงมาตรฐานสินค้า และระมัดระวังในการใช้ยาฆ่าแมลงให้มากยิ่งขึ้น เพื่อ มิให้เกิดผลกระทบต่อการส่งสินค้าผักผลไม้ของไทยโดยรวม อียูเป็นตลาดส่งออกผัก ผลไม้ที่สำคัญของไทย โดยในปี 2551 ไทยส่งออกสินค้าผัก ผลไม้สดแช่เย็นและแช่แข็งไปอียูมูลค่ากว่า 2,300 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.3 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมดของไทยไปยังอียู ลดลงจากปี 2550 มูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 9 สำหรับในปี 2552 (ม.ค.) ไทยส่งออกสินค้าผัก ผลไม้สดแช่เย็นและแช่แข็งไปอียูมูลค่าประมาณ 142 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2551 ร้อยละ 31 ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าสารตกค้างสูงสุดที่อนุญาตอียูให้มีในผัก ผลไม้ สามารถดูได้จาก https://secure.pesticides.gov.uk/MRLs/search.asp และระบบเตือนภัยเร่งด่วนของอียูสามารถดูได้จาก http://ec.europa.eu/food/food/rapidalert/index_en.print.htm

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ