กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--เอดีทูวาย คอมมิวนิเคชั่น
“เพียว” เดินหน้ารุกตลาด-สร้างแบรนด์อย่างหนักหลังดึงมาทำตลาดเองทั้งหมด ส่งสินค้าซีรี่ส์ Next — Natural Extension กวาดยอดขายปี’52 เข้าเป้า 20 ล้านบาท
“เพียว” มั่นใจสินค้าเด็กแรกเกิดมีศักยภาพเติบโตสูง เดินหน้ารุกตลาด-สร้างแบรนด์อย่างหนัก หลังดึงสินค้ามาทำตลาดเองตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เตรียมทุ่มงบฯเปิดตัวสินค้าภายใต้ ซีรี่ส์ Next — Natural Extension ผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย วางแผนเปิดตัวในงานรักลูก เฟสติวัล วันที่ 13-15 มีนาคมนี้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี พร้อมมุ่งขยายช่องทางจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศมีนาคมนี้ ทั้งห้างสรรพสินค้า เซเว่น แคตตาล็อค ร้านเบบี้ช็อป และช่องทางอี-คอมเมริซ์ ตั้งเป้าปีนี้กวาดยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
นายดิเรก ทิศานุทิศ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท รอยัล อินดัสตรีส์ (ไทยแลนด์) จำกัด มหาชน ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าสำหรับเด็กแรกเกิด- 3 ปีในกลุ่มสินค้าประเภทขวดนม จุกนม และอุปกรณ์ฝึกรับประทานอาหาร ภายใต้ แบรนด์ “เพียว” เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะรุกตลาดในประเทศมากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการทำการตลาดอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อสร้างแบรนด์เพียวให้อยู่ในใจผู้บริโภคในวงกว้าง สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคด้วยสินค้าที่มีคุณภาพและรูปลักษณ์ที่ทันสมัย หลังจากที่บริษัทหันมาผลิตและจัดจำหน่ายเองตั้งแต่เมื่อปลายปี 2551 ที่ผ่านมา
โดยในปีนี้จะในปีนี้มีแผนเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ แต่ยังคงเน้นไปที่กลุ่มสินค้าหลักของเพียวคือ ขวดนมและแก้วหัดดื่ม ภายใต้ซีรีส์ Next — Natural Extension โดยสินค้าในซีรีส์นี้จะประกอบไปด้วยชุดขวดนมที่ต่อเนื่องถึงแก้วหัดดื่ม และแก้วพร้อมหลอด ที่เน้นการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย ผลิตจากวัตถุดิบที่ปลอดสาร BPA ซึ่งเป็นกระแสมาจากทางอเมริกา ทั้งนี้ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้มีโอกาสเลือกใช้สินค้าที่เหมาะสมกับพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กในแต่ละช่วงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ปีนี้เราจะเน้นสินค้าในซีรีส์ Next เป็นหลัก ซึ่งจะเน้นเรื่องพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กที่เราได้ทุ่มเท คิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณพ่อคุณแม่และเป็นเสมือนผู้แนะนำในการเลือกสินค้าให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกน้อย อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำให้ภาพของการเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของคุณแม่ชัดเจนขึ้น”
นายดิเรก กล่าว และว่า ปัจจุบันในตลาดอาจมีสินค้าประเภทเดียวกันหลากหลายแบรนด์ แต่บริษัทเชื่อมั่นในคุณภาพ และความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการผลิต ด้วยดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ไม่เหมือนใคร จึงมั่นใจว่า สินค้าในซีรีส์นี้จะได้การตอบรับที่ดีจากตลาด
นายดิเรก กล่าวต่อไปว่า “บริษัทได้เตรียมงบประมาณทางการตลาดไว้ประมาณ 6 ล้านบาทสำหรับทำการตลาดสินค้าซีรี่ส์ Next โดยกระจายออกไปในสื่อที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสูด แต่ยังคงเน้นไปที่นิตยสารแม่และเด็กและนิตยสารในแนวไลฟ์สไตล์ รายการโทรทัศน์ การจัดกิจกรรมในโรงพยาบาลชั้นนำ ทั้งนี้มีแผนที่จะเปิดตัวแคมเปญ “Next-the Natural way to grow” ในงานรักลูก เฟสติวัล ระหว่างวันที่ 13-15 มีนาคม นี้ที่อิมแพ็ค เมืองทองานี จากนั้นจะจัดต่อเนื่องตามห้างสรรพสินค้าตลอดทั้งปี
ขณะเดียวกันยังมีนโยบายขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยยังคงเน้นไปที่ห้างสรรพสินค้า และคาดว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศในเดือนมีนาคมนี้ และเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าในต่างจังหวัดมากขึ้น บริษัทมีแผนที่จะวางจำหน่ายสินค้าบางตัวในช่องทางเซเว่น แคตตาล๊อค ด้วย อาทิ ขวดนมแอนตี้คอลิก อุปกรณ์ทำความสะอาด และกิ๊ฟเซ็ต ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายในเดือนมีนาคมเนี้ป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มร้านเบบี้ช็อป และช่องทางอี-คอมเมริซ์อีกด้วย
ส่วนตลาดในต่างประเทศนั้นยังคงเดินหน้าเปิดตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะทำงานร่วมกับผู้จัดจำหน่ายในแต่ละประเทศ ซึ่งมีความแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้ สำหรับตลาดต่างประเทศ ยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท เนื่องจากเพียวมีแผนในการรุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อม ๆ กับการทำตลาดในประเทศ ทั้งนี้เพียวได้รับการตอบรับจากตลาดที่ดีขึ้น หลังจากมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้า โดยปีนี้บริษัท ได้วางเป้ายอดขายสินค้าเพียวรวมไว้กว่า 250 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 20 % จากปีก่อน”
นายดิเรก กล่าวถึงภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กด้วยว่า แม้ว่าอัตราการเกิดของเด็กคลอดใหม่จะมีสัดส่วนที่ลดลง แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับเด็กเฉลี่ยต่อคนมีมูลค่าที่สูงขึ้น เนื่องจากพ่อแม่สมัยใหม่ใส่ใจดูแลลูกมากขึ้น มีการเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลสินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อ ปัจจัยเรื่องราคาอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสินค้า ทำให้มูลค่ารวมของตลาดกลุ่มนี้ยังมีศักยภาพในการเติบโตขึ้นทุกปี
ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดรวมมีมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม หลัก ๆ ได้แก่ กลุ่มท็อปพรีเมี่ยม คิดเป็น 5% จากมูลค่าตลาดรวม กลุ่มพรีเมี่ยม คิดเป็น 62% และกลุ่มอีโคโนมี่ หรือตลาดล่าง คิดเป็น 33% จากมูลค่าตลาดรวม สำหรับแบรนด์เพียวนั้นจะมุ่งเน้นสร้างสินค้าที่มีคุณภาพในระดับสากล และราคาที่เหมาะสมต่อผู้บริโภค โดยจะเน้นไปที่กลุ่ม พรีเมี่ยมเป็นหลัก เนื่องจากอัตราการเติบโตของมูลค่าตลาดในกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่คุณพ่อคุณแม่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีลูกเพียง 1-2 คน และพ่อแม่ก็พร้อมที่จะใช้จ่ายเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสำหรับลูก
สื่อมวลชนต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ ได้ที่ประสานประชาสัมพันธ์
ผกากานท์ (ลูกหยี) Tel 081 4898419 e-mail:yee_ka36@hotmail.com
หรือ ฝ่ายการตลาด Royal Industries (Thailand) Public Co.,Ltd. Tel: 02 254-1657