กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--
“หลังกลับจากผมไปเรียนภาษาที่ปักกิ่ง ผมมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือทำตามความฝันกับการร้องเพลงให้เป็นจริง หรืออีกทางคือตั้งต้นเรียนรู้งานกับคุณพ่อ เพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัว ซึ่งในที่สุดผมก็เลือกเดินสายกลาง คือขอเวลาคุณพ่อ 2 ปี เพื่อทำตามความฝันของตัวเองก่อนครับ”
ทุกครั้งที่มีการพูดคุยกับ พี่ๆ ผู้สื่อข่าว ที่ถามถึงที่มาที่ไปกับการเริ่มต้นของการจับไมค์ร้องเพลง ของ หนุ่ม ‘เต้-วิทย์สรัช สุขวัฒนศิริ’ เขาจะเล่าเรื่องราวนี้ให้ทุกคนได้ฟังเสมอ วันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา เขาได้ชื่อว่าคือหนึ่ง ‘ศิลปิน’ อย่างเต็มตัว เมื่อเขามีอัลบั้มแรกในชีวิตวางแผงให้แฟน ๆ ได้รู้จักตัวตน ความคิด ความรู้สึก เสียงร้องของ เต้ วิทย์สรัช ในทุกแง่มุมผ่านทั้ง 12 บทเพลง ใน อัลบั้ม ‘ที่รักของใครสักคน’ เต้ วิทย์สรัช
“ผม กับ คุณพ่อ (นันท์มนัส สุขวัฒนศิริ) เป็นคนชอบร้องเพลงครับ เวลาไปงานด้วยกันพ่อจะชอบให้เต้ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ซึ่งจริง ๆ แล้วตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีพื้นฐานเกี่ยวกับเพลงเลย ผมไม่เคยเรียนร้องเพลง ไม่เคยประกวด ไม่เคยออดิชั่นที่ไหนมาก่อนเลยครับ แล้ววันหนึ่งหลังจากผมกลับมาจากปักกิ่ง เพื่อน ๆ ที่ไปเรียนด้วยกัน เขาชวนผมมาเรียนร้องเพลงที่ Lucks Music School มีนักเรียน 3 คน ซึ่งเขาขาดอีก 1 คนพอดี โชคดีมากที่ได้เรียนกับ ครูแอน-ธิติมา ประทุมทิพย์ แล้วเรื่องการทำเพลง ก็เป็นเรื่องบังเอิญที่วันออดิชั่น พี่หนุ่ม-ชัชวาล ปุกหุต โปรดิวเซอร์ของลักษ์มิวสิก เขานั่งอยู่ในห้องอัด ผมก็ไปร้องเมื่อร้องเสร็จซีดีแผ่นนี้ ก็ถูกส่งไปให้โปรดิวเซอร์ฟัง อีก 2 วันถัดมา ครูแอนบอกว่าพี่หนุ่มสนใจเสียงร้องของผม เพราะเขาได้ยินจากในห้องอัดเลยเรียกมาคุยแล้วก็เซ็นสัญญาทันที ฝันกับการทำงานตเพลง และทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วมากครับ”
จากซิงเกิ้ลแรก ‘ความทรงจำ’ ที่ได้กลายเป็นเพลงฮิตติดท็อปชาร์ต เพลงนี้ยิ่งกระแสแรงขึ้นไปอีก ด้วยการนำไปเป็นเพลงประกอบละคร ‘สร้อยแสงจันทร์’ ทางช่อง 3 ต่อมา ลักษ์มิวสิก คือส่วนหนึ่งของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ปี 2551 เต้ก็มีเพลงออกมาอีก 2 เพลง ‘ที่รักของใครสักคน’ , ‘ความหวังเล็กเล็ก’ และล่าสุดกับเพลงฮิตที่ใครๆ ก็พูดถึง “รักกันครั้งหนึ่ง...คิดถึงตลอดไป”
“อัลบั้ม ‘ที่รักของใครสักคน’ ของเต้ มี 10 เพลงใหม่ และเพลงพิเศษที่คุ้นเคยกัน คือ‘ความทรงจำ’ และ เพลง ‘All About Love’ ของ Rynn Lim (ศิลปินและนักแต่งเพลงชาวสิงคโปร์) ที่เต้ ร้องในเวอร์ชั่นภาษาจีน ทั้งหมดทุกสิ่งที่ออกมาเป็นอัลบั้ม มันคืองานที่บ่งบอกถึงตัวตนของเต้อย่างชัดเจนที่สุด เนื้อหาเพลง การร้อง การตีความ รายละเอียดต่างๆ จนถึงปกที่เหมือนกับปกหนังสือแฟชั่น เพราะนั่นก็บอกถึงสไตล์การแต่งตัวด้วย ซึ่งมีโปสการ์ดที่เขียนและส่งได้จริง เรียกได้ว่าการทำงานครั้งนี้ผมมีส่วนร่วมเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการดีไซด์การร้อง หรือถึงกับการเขียนเนื้อเพลงจีน ซึ่งผมก็ได้รับโอกาสที่ดีจากพี่โปรดิวเซอร์ที่ไว้วางใจผมมากในการออกความคิดเห็นต่างๆ ซึ่งมันคุ้มค่ามากกับการตั้งใจในการตามหาฝันเต็มที่ตลอดเวลา 2 ปีเต็มครับ”