กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--บีโอไอ
บอร์ดบีโอไอเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการลงทุน 3 อุตสาหกรรมเป้าหมาย อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี เกษตรแปรรูป เลขาฯ บีโอไอมั่นใจ สิ้นปียอดขอรับส่งเสริมตามเป้าหมาย 8 แสนล้านบาท
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนวันนี้ (22 พฤษภาคม 2549) ว่า ภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ภาครัฐต้องหามาตรการกระตุ้นการลงทุน ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้บีโอไอปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบด้วยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่ประชุมเห็นว่า โครงการที่มีมูลค่าเงินลงทุนตั้งแต่ 30,000 ล้านบาทขึ้นไป และมีความสำคัญเป็นพิเศษ เช่น เป็นประเภทที่ใช้เทคโนโลยีสูง หรือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่มีการผลิตในประเทศ คณะกรรมการเห็นชอบให้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด รวมทั้งเพิ่มมาตรการจูงใจอื่นๆ ได้แก่ การจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรบุคคล การวิจัยและพัฒนา นอกจากนี้ ในระยะยาวได้เสนอให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเฉพาะขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูง และสามารถให้การอุดหนุนการลงทุนเพื่อช่วยลดต้นทุนด้วย เพื่อให้แข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้
อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ประชุมพิจารณาเห็นว่าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานสำคัญที่นำรายได้เข้าประเทศในแต่ละปีกว่า 275,000 ล้านบาท และเพื่อลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ จึงเห็นชอบเปิดให้การส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม ในกิจการการผลิตเคมีภัณฑ์ 5 ชนิด ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโครเคมี เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงครบวงจร ได้แก่ โซเดียมคลอไรด์ คลอรีน โซดาไฟ กรดไฮโดรคลอริก และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ โดยให้ได้รับสิทธิและประโยชน์ตามเกณฑ์ที่ตั้งกิจการ การผลิตยางสำหรับยานพาหนะ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตเพื่อการส่งออกและตั้งโรงงานในเขต 1 และ 2 ขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น จึงเห็นชอบให้ปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม โดยให้ยกเว้นภาษีเครื่องจักรสำหรับกิจการเดิมที่ต้องการขยายกิจการในที่ตั้งเดิม ในเขต 1 และ 2 นอกนิคม จากเดิมที่โรงงานที่ตั้งในเขตดังกล่าวไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเครื่องจักร
นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ข้างต้น จะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะปัจจัยที่เป็นเหตุให้ บางอุตสาหกรรม เช่น ปิโตรเคมี พลังงานทดแทน ฯลฯ ยังไม่มีการลงทุนนั้น คือการขาดแคลนวัตถุดิบ หรืออุตสาหกรรมต้นน้ำ ดังนั้น เมื่อภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนทำให้เกิดการเชื่อมโยงครบวงจร ก็จะจูงใจให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องเกิดขึ้นตามมา จึงมั่นใจว่าสิ้นปีนี้การลงทุนจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ระหว่าง 750,000 — 800,000 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายคาดว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 550,000 ล้านบาท