กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--ปตท.
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีกหน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับสูงขึ้น นับตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีประกาศเพิ่มอัตราเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเป็นครั้งสุดท้าย โดยน้ำมันดิบดูไบสูงขึ้น 2.35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อยู่ที่ 43.75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์สูงขึ้น 6.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อยู่ที่ 53.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้น 3.53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อยู่ที่ 49.32 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สาเหตุสำคัญมาจากผลประกอบการของสถาบันการเงินชั้นนำในสหรัฐอเมริกาและยุโรป มีแนวโน้มผลดำเนินการที่ดีขึ้น ตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐฯเดือน ก.พ. 52 ปรับเพิ่มขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) แสดงความพร้อมในการจัดการเสริมสภาพคล่องทางการเงิน นอกจากนี้โรงกลั่นหลายแห่งในยุโรปและเอเชียมีกำหนดปิดซ่อมบำรุงในเดือน มี.ค.52 และเม.ย.52 ทำให้ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดลดลง
การปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันตลาดโลกส่งผลกระทบต่อต้นทุนขายปลีกในประเทศ ปตท.จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด 50 สตางค์/ลิตร (ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 และน้ำมันไบโอดีเซล B5) ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในกรุงเทพฯและปริมณฑลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.52) เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป เป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ ลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 (พีทีที E 85 พลัส) 15.09
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 (พีทีที E 20 พลัส) 21.14
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95) 23.44
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91) 22.64
น้ำมันเบนซิน 91 (พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91) 27.24
น้ำมันไบโอดีเซล (พีทีที B5 พลัส) 18.09
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (พีทีที เดลต้า เอ็กซ์) 21.09
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยวของยุโรปและสหรัฐอเมริกา อาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ค่าการกลั่นที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง ส่งผลให้โรงกลั่นหลายแห่งลดกำลังการกลั่นลงและปิดซ่อมบำรุง อย่างไรก็ดียังคงต้องติดตามต่อไปว่าสมาชิกโอเปกจะให้ความร่วมมือในการปรับลดปริมาณการผลิตเคร่งครัดอย่างไร ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อปริมาณสำรองน้ำมันและส่งผลทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้
โทรศัพท์ 0 2537 2538
ฝ่ายสื่อสารองค์กร ปตท.