กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--
ผลการวิจัยล่าสุดชี้ Social Media มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคมากขึ้น 7 ใน 10 คนใช้เป็นแหล่งหาข้อมูลก่อนตัดสินใจ แนะบริษัทหันมาวางแผนกลยุทธ์อย่างจริงจัง แม้จะไม่ได้ดำเนินธุรกิจออนไลน์ เพราะผู้บริโภคนิยมสนทนาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และยี่ห้อสินค้าในสังคมออนไลน์
ทุกวันนี้อาจกล่าวได้ว่า Social Media คือกระแสความนิยมอย่างกว้างขวาง และใน 2551 ที่ผ่านมา Social Media ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Social Media ไม่ได้จำกัดวงอยู่เฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น แต่นักธุรกิจและมืออาชีพแขนงต่างๆ ได้หันไปใช้ Social Media มากขึ้น ทำให้ Social Media กลายมาเป็นสื่อในสังคมออนไลน์ที่มีอิทธิพลอย่างมาก จากรายงาน The Wave 3 Report ของ Universal Maccan (www.universalmccann.com) แสดงว่า Social Media เป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อแบรนด์และ ภาพลักษณ์ขององค์กรธุรกิจอย่างมาก เพราะผู้ใช้สื่อ Social Media นิยมโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ แบรนด์ ผ่านบล็อก หรือ ในกลุ่มสังคมออนไลน์ของตน นอกจากนี้การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้อินเตอร์เน็ต มีทัศนคติในนเชิวบวกต่อบริษัทหรือองค์กรที่สร้างบล็อกเป็นของตนเอง
จากบรรดาสื่อต่างที่ใช้ในกลุ่มสังคมออนไลน์นั้นตามรายงานของ Universal McCann พบว่า วิดีโอออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้งานวิดีโอออนไลน์ถึง 394 ล้านราย ในขณะที่ 346 ล้านรายอ่านบล็อก 321 ล้านรายอ่านบล็อกส่วนบุคคล 307 ล้านรายเข้าเยี่ยมชมกลุ่มสังคมของเพื่อนฝูง และ 303 ล้านรายส่งต่อหรือแบ่งปันวิดีโอคลิปออนไลน์ พัฒนาการที่รวดเร็วของ Social Media ส่งผลให้การสร้างบล็อก การส่งต่อรูปภาพ หรือ วิดีโอคลิป เป็นเรื่องปกติ และ ทุกวันนี้ นักการเมือง บุคคลที่มีชื่อเสียง แบรนด์ต่างๆ หรือแม้แต่สมาชิกในครอบครัวต่างก็มีกลุ่มหรือสื่อ Social Media ของตนเอง ด้วยเหตุนี้สื่อรุ่นเก่าจึงต้องเร่งปรับตัวและหันมาพึ่งใช้ Social Media เป็นช่องทางเสริมในการกระจายเนื้อหาหรือข่าวสารของตน
เมื่อพิจารณาจากรายงาน 20 อันดับ Social Media ยอดฮิตของโลก ที่ ComScore (www.comscore.com) ทำไว้ พบว่า Bloger ยังคงความเป็นผู้นำด้วยยอดผู้เข้าใช้ว่า 222 ล้านรายทั่วโลกในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตามมาด้วย Facebook ที่ไล่มาติดๆ และแรงสุดๆ ด้วยจำนวนผู้ใช้ 200 ล้านราย ส่วนอันดับต่อมาคือ MySpace ด้วยยอดผู้ใช้ 126 ล้านราย Wordpress 114 ล้านราย Windows Live Spaces 87 ล้านราย ส่วนอันดับ 6-10 ได้แก่ Yahoo Geocities (69 ล้านราย) Flickr (64 ล้านราย) hi5 (58 ล้านราย) Orkut (46 ล้านราย) และ Six Apart (46 ล้านราย)
ที่น่าแปลกใจก็คือตลาดเอเชีย เป็นตลาดที่มีการเติบโตของ Social Media สูงกว่าทวีปอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศจีน นั้นถือเป็นสังคมบล็อกเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในลกด้วยยอดผู้ใช้กว่า 42 ล้านราย มากกว่ายุโรปตะวันตกและสหรัฐอเมริการวมกันเสียอีก
มร. แบรี่ เฮิร์ด (www.123socialmedia.com) เชื่อว่าปัจจัยที่ผลักดันให้ Social Media เติบโตอย่างรวดเร็วนั้นเป็นเพราะความง่ายในการเข้าถึงสื่ออินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ขณะเดียวกันก็ยังเป็นผลมาจาก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้าน Social Media และเทคโนโลยีไร้สาย อาทิ โทรศัพท์เคลื่อนที่ PDAs หรือเครื่องเล่นเกมส์แบบพกพาต่างๆ
ผลจากการศึกษายังพบด้วยว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเข้าร่วมในสังคมเครือข่ายโดยเฉลี่ย 3-5 เครือข่าย ดังนั้นนักธุรกิจรายใดที่คิดว่า “ธุรกิจของฉันไม่ได้เน้นด้านออนไลน์” อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเกี่ยวข้องกับระบบออนไลน์หรือไม่ก็ตาม แต่ธุรกิจของคุณจะเกี่ยวพันกับเครือข่ายในสังคมออนไลน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะลูกค้าของคุณ คู่ค้าของคุณ แม้แต่เพื่อนฝูง หรือ คนในองค์กรของคุณได้เข้าไปมีบทบาทหรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสังคมออนไลน์ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่การสนทนาในบางครั้งอาจจะโยงใยเข้ามาถึงธุรกิจของคุณได้ นั่นหมายถึงว่า บริษัทที่ไม่ได้พิจารณา หรือ ผนวก Social Media ไว้เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ หรือ แผนการตลาดรวม กำลังเสียโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าไปอย่างน่าเสียดาย
จากการวิจัยร่วมระหว่าง OTX (www.otxresearch.com) และ DEI Worldwide (www.deiworldwide.com) พบว่า จากความนิยมที่แพร่หลายของ Social Media นีเอง ทำให้ Social Media กลายมาเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญของผู้บริโภค โดยพบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะข้อหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ หรือ สินค้ายี่ห้อต่างๆ จากเว็ปไซต์ Social Media ไปพร้อมๆ กับหาข้อมูลโดยตรงจากเว็ปไซต์ของบริษัทผู้ผลิต โดยผู้บริโภค 7 ใน 10 ราย จะเข้าไปหาข้อมูลในเว็ปไซต์ Social Media ต่างๆ อาทิ เว็ปบอร์ด กลุ่มชุมชนออนไลน์ หรือ บล็อกต่างๆ เพื่อหาข้อมูล นอกจากนี้ เถือบครึ่ง (49%) ของผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อจากข้อมูลที่ได้จาก Social Media เหล่านี้
ความนิยมของ Social Media ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อมาตรวัดความสำเร็จด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ของภาคธุรกิจอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่องค์กรธุรกิจต่างๆ จะหันมาให้ความสนใจกับ Social Media Marketing มากขึ้น โดยรายงานล่าสุดของ eMarketer (www.emarketer.com) ชี้ให้เห็นว่า บริษัทส่วนใหญ่ควรที่จะต้องเข้าไปมีบทบาท และ สื่อสารกับกลุ่มสังคมในชุมชนออนไลน์เป็นประจำ แน่นอนว่าในขณะนี้ บริษัทหลายๆ แห่งได้ตระหนักถึงความสำคัญของ Social Media เพราะเล็งเห็นว่าเป็น Social Media เป็นเครื่องมือการตลาดที่ระหยัดแต่มีประสิทธิภาพในการขายและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์และบริการของตนสู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่งบประมาณการตลาดค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ดี การทำการตลาดผ่าน Social Media ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้จะมีบริษัทหลายรายที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีอีกหลายรายที่ล้มเหลว หรือกลายเป็นผู้ต้องหาของกลุ่มสังคมออนไลน์ไปเลยก็มี
ตัวอย่างหนึ่งของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ ใน การใช้ Social Media เห็นจะได้แก่ Blendtec ที่ทำคลิปวิดีโอซีรี่ส์ “Will It Blend” หรือ “ปั่นได้ไหม?” เข้าไปไว้ใน YouTube ดำเนินเรื่องโดย มร. ทอม ดิกสัน CEO ของ Blendtec ที่พยายามจะนำทุกอย่างเข้าเครื่องปั่นของเขา รวมถึง iPhone มือถือยอดฮิต เพื่อพิสูจน์ว่า “ปั่นได้ไหม?” ผลที่ตามมาคือ วิดีโอชุดนี้กลายเป็น สื่อการตลาดต้นทุนต่ำ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในโลกออนไลน์ และส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นไปถึงห้าเท่าตัว
อึกตัวอย่างที่น่าสนใจคือกรณีของ IBM ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้าจับกระแส Social Media ฟีเว่อร์ได้เป็นอย่างดี กล่าวคือ แทนที่ IBM จะสร้างบล็อกขึ้นมาเพียงหนึ่งบล็อกเหมือนบริษัททัวไป IBM กลับสร้างเครือข่ายของบล็อกขึ้นโดยเปิดโอกาสให้พนักงานของตน ที่ต่างก็เป็นยอดฝีมือในแวดวงคอมพิวเตอร์ สร้างบล็อกของตัวเองขึ้นมา เขียนเล่าถึงประสบการณ์ ถึงงานที่กำลังทำ หรือเรื่องอะไรก็ได้ตามใจชอบ ผลที่ตามมาคือบล็อก IBMer ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยง IBM เข้ากับกลุ่มลูกค้า อีกทั้งยังเป็นเครื่องแสดงเจตนารมณ์ที่บริษัทมีต่ออุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี
“ถึงแม้ Social Media จะเป็นสื่อยอดนิยม แต่ต้องไม่ลืมว่า Social Media Marketing ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ และ เป็นเรื่องที่นักการตลาดยังต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา” ทั้งนี้จากคำกล่าวของ นายศิระพัฒน์ เกตุธาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สป็อตมาร์ก จำกัด ผุ้จัดงาน Internet Marketing Conference 2009 Bangkok ระหว่างวันที่ 20-21 พฤษภาคม 2552 ณ โรงแรมโฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ
นายศิระพัฒน์กล่าวต่อว่า “แต่ด้วยเหตุที่ Social Media ได้เข้ามามีบทบาทต่อสังคมผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความท้าทายของนักการตลาดก็ คือจะตอบสนองกระแสดังกล่าวได้อย่างไร และจะใช้ Social Media เป็นเครื่องมือในการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ หรือ การมีส่วนร่วมในสังคมออนไลน์อย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จสูงสุด ภายในงาน Internet Marketing Conference ผู้เชี่ยวชาญด้าน Social Media Marketing จะมุ่งเน้นใน 2 ประเด็นหลักที่นักการตลาดอยากรู้ คือ การวัดผลกระทบของ Social Media และ การวางแผนกลยุทธ์ด้าน Social Media Marketing รวมไปถึงผลดีและผลเสียที่เกียวข้องกับ Social Media รูปแบบต่างๆ”
นอกจาก Social Media Marketing งาน Internet Marketing Conference 2009 Bangkok ยังจะครอบคลุมไปถึงเครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่กำลังอยู่ในความสนใจอื่นๆ อาทิ Search Engine Markeitng, E-mail Marketing, eCRM, eBranding และ Online Marketing Research สำหรับท่านที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sptmrk.com หรือ ติดต่อ บริษัท สป็อตมาร์ก จำดัด ที่ 02 978 2519 หรือ info@sptmrk.com
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. +66 2 978 2519 SPOTMARK