กรุงเทพฯ--24 มี.ค.--วอลโว่ คาร์
“เจ็ดมหัศจรรย์” วอลโว่นำเสนอรถยนต์กลุ่ม DRIVe รถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม ทุกคันมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำสุดเมื่อเทียบกับรถอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
วอลโว่ คาร์ นำเสนอรถที่มีประหยัดน้ำมัน หรือ รถยนต์กลุ่ม DIRVe ทุกคันล้วนแล้วแต่เป็นรถที่เป็นอันดับหนึ่งในเรื่องของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น C30, S40 และ V50 อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีชั้นสูงคือระบบติดและหยุดเครื่องยนต์
วอลโว่ C30, 3.9 ลิตร/100กม, ค่า CO2 104 กรัม/กม
วอลโว่ S40, 4.0 ลิตร/100กม, ค่า CO2 107 กรัม/กม
วอลโว่ V50, 4.0 ลิตร/100กม, ค่า CO2 107 กรัม/กม
วอลโว่ V70, 4.9 ลิตร/100กม, ค่า CO2 129 กรัม/กม
วอลโว่ S80, 4.9 ลิตร/100กม, ค่า CO2 129 กรัม/กม
วอลโว่ XC60, 6.0 ลิตร/100กม, ค่า CO2 159 กรัม/กม
วอลโว่ XC70, 6.0 ลิตร/100กม, ค่า CO2 159 กรัม/กม
DRIVe เป็นชื่อที่ใช้เรียกขาน รถยนต์วอลโว่รุ่นที่ดีที่สุดในเรื่องสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับรถอื่นๆ ในขนาดเดียวกันนั้น โดยรถกลุ่มนี้จะมีป้าย DRIVe ติดอยู่ที่หลังรถให้มองเห็นได้ รถในกลุ่มนี้ทั้งหมดเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลขับเคลื่อนด้วย ระบบเกียร์แบบ manual ที่ช่วยให้มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันน้อยเป็นพิเศษ รถเหล่านี้ยังได้ถูกออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้มีแรงต้านต่ำและลดการเสียดทานของอากาศ
"ความทุ่มเทในการทำรถ DRIVe ในปี 2009นี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของวอลโว่ ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ลูกค้ามีความต้องการผลิตภัณฑ์ใช้นำมันได้อย่างประสิทธิภาพและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ที่ปารีสมอเตอร์โชว์ในปี 2008 เราเปิดตัว DRIVe ในรถรุ่น C30, S40 and V50 และตอนนี้ทั้งเราและตลาดรถยนต์พร้อมแล้วที่จะก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง " สดีเฟน โอเดล ประธาน และซีอีโอ บริษัท วอลโว่ คาร์กล่าว
นอกจากนี้สดีเฟน โอเดล ประธาน และซีอีโอ บริษัทวอลโว่ คาร์ กล่าวเสริมว่า "ขณะนี้ รถรุ่น V70, S80, XC60 และ XC70 ก็เป็นแบบ DRIVe ด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้รถเหล่านี้กลายเป็นรถทีมีความน่าสนใจมากที่สุดในกลุ่มรถหรู ด้วยประสิทธิภาพในด้านอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันและคุณสมบัติด้านสิ่งแวดล้อม "
ค่าไอเสีย 3 ระดับ
DRIVe แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ตามค่าไอเสีย คือ 120, 140, และ 160กรัม/กม
ระดับค่าไอเสียที่วอลโว่ ตั้งไว้สูงนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของวอลโว่ที่จะลดค่า CO2 ลงโดยค่า CO2 ที่ตั้งไว้นี้ยังสอดรับกับเงื่อนไขการลดภาษีและเงื่อนไขพิเศษต่างๆ ที่รัฐบาลตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนรถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมในหลายๆประเทศในยุโรป เป้าหมายของเราคือการลดระดับค่าไอเสียลงไปเรื่อยๆ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 'สตีฟ โอเดล อธิบาย"'
C30, S40, V50 กับค่าไอเสียที่ต่ำกว่า 120ก.
ช่วงเดือนเมษายน ปีนี้ วอลโว่ C30, S40 and V50 1.6D DRIVe จะเริ่มมีคุณลักษณ์ใหม่คือ ระบบปิดเปิดอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดค่าไอเสีย CO2 ลงไปอยู่ที่ประมาณ 104กรัม/กม ในรถยนต์ วอลโว่ C30 และ 107กรัม/กม ใน S40 และ V50 ซึ่งสำหรับ C30 นั้นค่าไอเสียนี้ยังอยู่ในกลุ่มภาษีที่มีอัตราต่ำที่สุดในยุโรปอีกด้วย (150ก.)
รถกลุ่มแรกของวอลโว่กับ ระบบติดและหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ
เพื่อที่จะช่วยลดบริมาณไอเสียจากคาร์บอนไดออกไซด์ วอลโว่ C30, S40 และ V50 DRIVe ใหม่ ได้ติดตั้งคุณลักษณะพิเศษ อันชาญฉลาดไว้ 2 ระบบ นั่น คือ ระบบ ติดและหยุดเครื่องยนต์ อัตโนมัติที่ทำให้เครื่องยนต์ดับเองเมื่อรถหยุดอยู่นิ่งเมื่อต้องจอดรอไฟแดงหรือรถติด
เมื่อคนขับเข้าเกียร์ว่างและปล่อยคลัชในขณะที่รถหยุดนิ่งเครื่องยนต์จะหยุดการทำงาน และเมื่อคนขับรถเหยียบคลัชอีกครั้งหนึ่งเครื่องยนต์จะติด เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและลดปริมาณไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 4-5 % โดยการคำนวณจากการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ ระบบติดและหยุดเครื่องยนต์ อัตโนมัตินี้มีประสิทธิภาพมากในการขับขี่ ในเมือง ซึ่งสามารถช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 8%
ความสะดวกสบายที่ไม่มีใครเหมือนในวอลโว่กับการติดเครื่องที่รวดเร็ว
ในขณะที่รถหยุดและเครื่องยนต์ดับนั้นระบบไฟฟ้าบางชนิด อาทิ เครื่องปรับอากาศจะปรับลงมาอยู่ในระดับ
สแตนด์บายเพื่อประหยัดพลังงาน
อย่างไรก็ตามระบบติดและหยุดเครื่องยนต์ อัตโนมัติจะเฝ้าดูระดับความสบายอย่างต่อเนื่องและจะปรับการทำงานของระบบที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น ปรับการทำงานของเครื่องทำความเย็นหากอุณหภูมิในห้องโดยสารสูงขึ้น ระบบนี้ไม่ได้จำกัดคุณลักษณ์ในรถที่อำนวยความสบายไว้เพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่มีอยู่ในระบบต่างๆ อาทิ เครื่องเสียงหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆที่ลูกค้าต้องการ
ระบบการเฝ้าติดตามในรถยนต์วอลโว่ และความสะดวกสบายสูงที่ได้รับนี้เกิดขึ้นจาก แบตเตอรี่ตัวเล็กที่มีหน้าที่ช่วยแบตเตอรี่ตัวใหญ่ในการให้พลังงานเสริม แบตเตอรี่ตัวเล็กนี้ ทำงานอย่างรวดเร็วและช่วยทำให้ระบบเครื่องเสียงทำงานได้ราบรื่นขึ้น ไม่สะดุดเมื่อมอเตอร์สตาร์ทเริ่มทำงาน และนี่เป็นจุดที่ทำให้วอลโว่แตกต่างจากคู่แข่ง ยิ่งไปกว่านั้นแบตเตอรี่ตัวหลักยังได้รับการปรับให้สามารถรองรับรอบการเปิดปิดอัตโนมัติได้ถึง 175,000 รอบ
คนขับรถจะได้รับข้อมูลจากระบบแจ้งสถานภาพเป็นระยะ ผ่านทางหน้าจอแสงข้อมูลในรถ ระบบปิดเปิดอัตโนมัตินี้ติดตั้งมาโดยตั้งค่ามาตรฐานให้ทำงาน ทว่าสามารถเปิดและปิดการใช้งานได้จากปุ่ม DRIVe ที่ติดตั้งอยู่ที่คอนโซลกลาง ซึ่งในอนาคตปุ่ม DRIVe นี้ยังสามารถใช้ควบคุมระบบอื่นๆ ได้อีก อาทิ การตั้งค่าแบบประหยัดที่ให้ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีได้อีกด้วย
เติมไฟแบตเตอรี่จากพลังงานจลน์
อีกคุณลักษณะหนึ่งของ C30, S40 และ V50 DRIVe 1.6D ที่มาพร้อมกับระบบติดและหยุดเครื่องยนต์ อัตโนมัตินี้คือคุณลักษณ์เป็นที่รู้จักกันในฐานะของการมอบความสะดวกสบายในการเติมพลังงานให้กับรถ คุณลักษณ์นี้เติมไฟให้แบตเตอรี่ทันที่ที่คนขับปล่อยคันเร่งหรือคันเบรกในขณะที่เข้าเกียร์ อัลทิเนเตอร์จะได้รับกระแสไฟโดยไม่ต้องใช้พลังงานจากน้ำมันดีเซล ช่วยในการประหยัดน้ำมัน 2—3%
V70 และ S80 ต่ำกว่า140g
นี่เป็นครั้งแรกที่ V70 และ S80 เป็นรุ่น DRIVeทั้งสองรุ่นนี้ใช้ระบบส่งกำลังแบบเดียวกันกับรถรุ่นอื่นคือ เครื่องยนต์ 1.6 ดีเซล เกียร์ธรรมดา ทว่าใช้ซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษโดยเฉพาะและมีอัตราการทดกำลังที่แตกต่างไปในเกียร์สาม สี่ และ ห้า
สิ่งที่ช่วยให้รถซีดานและรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ของวอลโว่ลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันและค่าคาร์บอน ไดออกไซด์ได้อย่างมากนั้นหลักๆ แล้ว ได้มาจากการใช้ระบบส่งกำลังอย่างเต็มประสิทธิภาพ:
V70 ลดลงเป็น 4.9 ลิตร/100กม. และ ค่า CO2 129 กรัม.,และดีขึ้นถึง 18 % เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซล 2 ลิตร ในปัจจุบัน
S80 ลดลงเป็น 4.9 ลิตร/100 กม. และ ค่า CO2 129 กรัม, และดีขึ้นถึง 18 % เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ดีเซล 2 ลิตร ในปัจจุบัน
“เราเชื่อว่าผู้ใช้รถขนาดเล็กไม่มีความจำเป็นต้องได้รับสิ่งต่างๆ ที่ควรได้ในการขับขี่หรือความสะดวกสบายน้อยลงเมื่อเทียบกับรถใหญ่ รถเล็กเหล่านี้มีสมรรถนะที่เท่าเทียมกับรถใหญ่ทว่าสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า ในความจริงแล้วค่าของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากรถขนาดเล็กของวอลโว่ที่กำหนดไว้นี้ ยังไม่มีรถยี่ห้ออื่นคิดทำด้วยซ้ำ” แมกนัส โยนส์สัน รองประธานบริหาร ฝ่ายผลิตภัณฑ์กล่าว
ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันลดลง ตัวอย่างเช่นยางที่ออกแบบมาให้มี ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำและเป็นครั้งแรกที่ รถยนต์ V 70 และ S80 DRIVe ติดตั้งปั๊มพวงมาลัยพาวเวอร์ที่ทำให้การช่วยเลี้ยงใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและ เที่ยงตรงตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ รถ DRIVe ทุกรุ่นติดตั้งระบบนี้
V70 ติดตั้งคุณลักษณ์ต่างๆเหล่านี้ไว้เพื่อช่วยลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ:
กระจังหน้า
แขสซีที่เตี้ยลง (20 มม. ด้านหน้า, 15 มม. ด้านหลัง)
XC60 และ XC70 ต่ำกว่า 160g
วอลโว่จะมี DRIVe ในรถรุ่น XC60 และ XC70 แบบขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์ 2.4 D ทั้งสองรุ่นจะมีค่าไอเสียอยู่ที่ 159 กรัม / กม. และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่น้อยที่สุดในรถกลุ่มเดียวกันคือเพียงแค่ 6.0 ลิตร/100 กม.
นอกจากพัฒนาการในรถขับเคลื่อนล้อหน้าแล้ว ยังมีการปรับปรุงสิ่งละอันพันละน้อยที่ล้วนช่วยให้รถรุ่นใหม่มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันและค่าไอเสียน้อยลง ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ของวอลโว่ประสบความสำเร็จในการลดค่าเสียดทานและทำให้ประสิทธิภาพการบรรจุอากาศในกระบอกสูบดีขึ้น ในเครื่องยนต์ดีเซล
ด้วยปั๊มแรงดันสูงและการออกแบบระบบหัวฉีดรุ่นใหม่ล่าสุด ของระบบไฟฟ้าแบบเพียโซ ทำให้แรงดันของหัวฉีดที่เพิ่มขึ้น เครื่องยนต์ใช้ซอฟต์แวร์ควบคุมเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ให้แรงอัดที่ต่ำและมีประสิทธิภาพในการเผาไหม้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นตัวอัดอากาศของเครื่องยนต์เทอร์โบยังได้รับการออกแบบให้มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องยนต์ต่ำ
ระบบการส่งกำลังใหม่นี้ทำให้ อัตราการทดเกียร์มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำ
โจทย์ในการพัฒนาที่สำคัญยิ่งของรถพวกนี้คือการที่ต้องทำให้ลักษณะการขับขี่ที่สนุกสนานต้องยังคงอยู่เพราะนั่นคือหัวใจสำคัญที่ทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจให้กับรถรุ่นนี้
แรงม้าที่มากขึ้นและแรงบิดที่สูงขึ้นกอรปกับการติดตั้ง แชสซีแบบสปอร์ต ล้วนมีส่วนช่วยให้ XC60 แบบขับเคลื่อนล้อหน้ามีความคล่องตัวสูง นับเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้รถที่มีค่าไอเสียต่ำทว่าไม่ต้องสูญเสียความสนุกสนานในการขับขี่ แมกนัส โยนส์สัน กล่าว
แมกนัส โยนส์สัน ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “สำหรับ XC70 นั้น ประสบความสำเร็จในการผสมผสานความสะดวก สบายเข้ากันกับความสามารถในการพาคุณลุยไปได้ทุกที่ทว่ามีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ XC70ก็เช่นเดียว กับ รถยนต์วอลโว่รุ่นอื่นๆ คือ ต้องมีการทดสอบใช้งานภายใต้สภาพที่เหมือนกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของผู้ใช้รถทั่วไป ด้งนั้นตัวเลขที่วอลโว่แจ้งแก่สื่อมวลชนจึงเป็นตังเลขที่ใกล้เคียงที่สุดในการใช้งานของลูกค้าในสภาพทั่วไปบนท้องถนน ซึ่งจะสังเกตเห็นได้จากบนหน้าจอแสดงผลการทำงานในรถ”
เพิ่มประสิทธิภาพให้กับทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์
พัฒนาการทางด้านสิ่งแวดล้อมนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในรถกลุ่ม DRIVe เท่านั้น วิธีการลดการใช้เชื้อเพลิงนี้จะได้ถูกนำไปใช้ในรถรุ่นอื่นๆ อีกด้วย และยิ่งไปกว่านั้น ในรถระบบเกียร์อัตโนมัติรุ่นที่จะมาถึงในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้าจะมีประสิทธิภาพที่ขึ้นถึง 5-7 % ด้วย
แมกนัส โยนส์สัน กล่าวปิดท้ายว่า “ วัตถุประสงค์ของเราคือการทำให้รถยนต์ของเรามีค่าไอเสียที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับรถอื่นในขนาดเดียวกัน DRIVe เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงขบวนการการทำงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และ รถที่ติดป้าย DRIVe ไว้นั้นก็เป็นรถที่มีความคืบหน้าสูงสุดในขบวนการนี้” การที่เรามอบความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าสูงและเป็นตัวเลือกที่ดี ทำให้ลูกค้าสามารถที่จะเลือกการมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมของตัวเองได้
ตารางสมรรถนะ ค่าไอเสีย และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันใน วอลโว่ DRIVe รุ่นปี 2010:
รุ่น เครื่องยนต์ กำลัง CO2 อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน
C30 ระบบปิดเปิดอัตโนมัติ 1.6D 109 hp/240 Nm 104 กรัม 3.9 ลิตร/100 กม
S40 ระบบปิดเปิดอัตโนมัติ 1.6D 109 hp/240 Nm 107 กรัม 4.0 ลิตร/100 กม
V50 ระบบปิดเปิดอัตโนมัติ 1.6D 109 hp/240 Nm 107 กรัม 4.0 ลิตร/100 กม
V70 1.6D 109 hp/240 Nm 129 กรัม 4.9 ลิตร/100 กม
S80 1.6D 109 hp/240 Nm 129 กรัม 4.9 ลิตร/100 กม
XC60 2.4D 175 hp/420 Nm 159 กรัม 6.0 ลิตร/100 กม
XC70 2.4D 175 hp/420 Nm 159 กรัม 6.0 ลิตร/100 กม
ข้อมูลทั่วไป :
วอลโว่ คาร์ คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทในเครือ ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโกเทนเบิร์ก ประเทศสวีเดน
วอลโว่ คาร์ คอร์ปอเรชั่น เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2505 โดยเริ่มต้นจากการจำหน่ายผ่านบริษัทผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายอิสระ จากนั้นจึงจัดตั้งเป็นบริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่ปี 2514 ดูแลการจัดจำหน่ายทั่วประเทศ และได้เข้าบริหารการจัดจำหน่ายแทนบริษัท เอสเอ็มซี มอเตอร์ส ตั้งแต่ปี 2542 ปัจจุบัน วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) มีพนักงานจำนวน 22 คน
วอลโว่จัดตั้งบริษัท ไทย-สวีดิช แอสเซ็มบลี จำกัด (ทีเอสเอ) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ของตนเองภายในประเทศตั้งแต่ปี 2519 ซึ่งผลิตรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกหลากหลายรุ่นอาทิ วอลโว่ XC90, วอลโว่ All-New S80 (2.5T, 2.5FT และเครื่องดีเซล), วอลโว่ S60 และ วอลโว่ V70 ปัจจุบัน ทีเอสเอมีพนักงานจำนวนกว่า 300 คน วอลโว่ คาร์ ยังนำเข้า วอลโว่ All-new C70 สปอร์ตคูเป้/คอนเวอร์ ทิเบิล รวมถึงวอลโว่ C30 คูเป้มาจำหน่ายในประเทศไทยอีกด้วย
ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์วอลโว่อย่างเป็นทางการโดยได้รับอนุญาต มีทั้งหมด 7 บริษัท ซึ่งดูแลโชว์รูมวอลโว่ทั่วประเทศ 9 โชว์รูม แบ่งเป็นโชว์รูมในกรุงเทพฯจำนวน 4 โชว์รูม และโชว์รูมในต่างจังหวัดจำนวน 5 โชว์รูม ได้แก่ เวิร์นส์ มอเตอร์ส (สาขาหัวหมากและลาดพร้าว) โกเทนเบิร์ก ออโตโมบิลส์ (ศรีนครินทร์) สแกนดิเนเวียน ออโต้ (รามอินทรา) และสาขาอื่นๆ ในต่างจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่สวีเดน มอเตอร์ จังหวัดเชียงใหม่, ขอนแก่นเจริญศรี จังหวัดขอนแก่น, นครปฐม มอเตอร์ส จังหวัดนครปฐม, หาดใหญ่ ออโต้ จังหวัดสงขลา และโชว์รูมใหม่ล่าสุดที่จังหวัดภูเก็ต
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของวอลโว่ คาร์ สามารถเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ www.volvocars.co.th หรือติดต่อได้ที่โชว์รูมของวอลโว่ใกล้บ้านคุณ
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบไฟล์วิดิทัศน์ สามารถลงทะเบียนและเรียกดูได้ที่เว็บไซต์ www.media.volvocars.com คลิกที่ ‘Broadcast Room’ เพื่อเลือกชมและเลือกดูไฟล์ เมื่อลงทะเบียนแล้ว คุณสามารถเรียกดูข้อมูลมาตรฐานในรูปแบบไฟล์วีดิโอทั้งทางดิจิตอลในเว็บไซต์ และทางเทป ทั้งนี้ สื่อมวลชนสามารถลงทะเบียนและเรียกดูไฟล์วีดิโอได้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ติดต่อ:
คุณฉันทนา วัฒนารมย์
บริษัทวอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร: +66-2-319-9820
แฟกซ์: +66-2-719-9451
อีเมล์: cvatanar@volvocars.com
คุณณัฎฐา จิตราคม
บริษัทวอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร: +66-2-319-9820
แฟกซ์: +66-2-719-9451
อีเมล์: njittrak@volvocars.com