กรุงเทพฯ--15 มี.ค.--วอเนอร์ บราเธอร์ส
แบรี่ ซอนเนนเฟลด์ ผู้เคยกำกับฯ เรื่อง Get Shorty ได้ให้ความเห็นเมื่อไม่นานนี้ว่า ในตอนแรกที่จอห์น ทราโวลต้า รับบทชิลี ปาล์มเมอร์ นั้นเป็นเพราะเขาต้องการแสดงเป็น “เจมส์ บอนด์เดินดิน” เมื่อถูกถามถึงข้อสังเกตุดังกล่าว ทราโวลต้าบอกว่า “ชิลี เป็นสมาชิกแกงค์อาชญากรแต่เขามีภาพลักษณ์ของตัวเองที่เป็นแบบเหนือชั้นกว่า เทียบได้กับเจมส์ บอนด์ และหนึ่งในบรรดาผู้เป็นสัญญลักษณ์ในจอที่เป็นคนโปรดของผมคือฌอน คอนเนอรี่ โดยเฉพาะในบทบอนด์ ผมเลยมีแรงบันดาลใจของตัวเองที่จะเป็นชิลี ปาล์มเมอร์”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชิลี ปาล์มเมอร์ จะเป็นคนที่เจ๋งที่สุด; เขามั่นใจในตนเอง ไม่มีอะไรทำให้เขาขยาดได้ และเขาไม่เคยยอมแพ้อะไร แต่เขาต่างจากพ่อค้าหน้าเลือดทั่วไปชิลีมีจริยธรรมที่โดดเด่น — เขาเป็นสุภาพบุรุษชาวแกงค์ เขาดีเกินไปสำหรับวงการหนังและดนตรีที่แสนโหดร้ายหรือไม่? “จริยธรรมเป็นเรื่องของแต่ละคน” ทราโวลต้ากล่าว “ผมคิดว่าชิลีมีความเป็นกลางและความยุติธรรม ท่าทีของเขาที่มีต่อทั้งสองสิ่งนั้นอาจดูไม่ธรรมดา แต่เขามีคุณสมบัติเหล่านั้นอยู่ในสันดาน และท้ายที่สุดแล้วชิลี ปาล์มเมอร์ เป็นคนดี”
หลายคนรู้สึกว่าชิลี ปาล์มเมอร์ เป็นตัวละครที่ยอดเยี่ยมทึ่สุดตัวหนึ่งของจอห์น ทราโวลต้า เขาเห็นด้วยไหม? “ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งในหลายๆ บทบาทมหัศจรรย์ที่เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต และผมสนุกมากที่ได้สัมผัสกับสิ่งที่ชิลีทำในวงการเพลงในช่วงเวลาใหม่ถอดด้าม ความท้าทายในเรื่อง Be Cool คือปฏิกิริยาที่ชิลีมีต่อสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ของเขา — เขาทำตัวตามสบาย มาก ขึ้นเพราะมีอันธพาลในวงการเพลงมากกว่าในวงการหนัง” เขาหัวเราะ
“ชิลีฉกฉวยโอกาสอยู่เสมอ” ทราโวลต้ากล่าวต่อ “ลองคิดดูในสองแง่: เหมาะหรือเปล่าที่จะฉวยโอกาส และมันยุติธรรมหรือเปล่า? เขาเป็นคนฉลาด ชิลีไม่เคยเป็นกังวลเรื่องอะไรทั้งสิ้น เขาสร้างตัวละครที่มีพื้นฐานจากความมั่นใจ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้มั่นใจในบางโอกาสเราก็ไม่มีวันรู้ เขาวิเคราะห์วิธีการเข้าสู่และออกจากสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยมตลอดเวลา”
ทราโวลต้าตื่นเต้นมากที่อูม่า เทอร์แมนเลือกรับบทเป็น อีดี้ เอเธนส์ “อูม่ากับผมเข้ากันได้สบายมากในจอ” เขากล่าว “และใน Be Cool เรารับบทเป็นตัวละครที่ต่างกันมากกับในเรื่อง Pulp Fiction. In Pulp Fiction ที่เรารับบทเป็นคนสองคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เฉียดความตาย และใน Be Cool เราเป็นคนสองคนที่เจ๋ง ห้าว และใช้ชีวิตแบบมีฟอร์ม”
เมื่อถูกถามว่าเขาและอูม่าจะหวนคืนสู่ฉากฟลอร์เต้นรำด้วยกันอีกหรือไม่ในเรื่อง Be Cool “ผมบอกว่ามันต้องเป็นอะไรที่ชิลีรู้สึกดีที่จะเต้นรำ ชิลีจะเต้นรำกับดนตรีบราซิลหรือท่วงทำนองละติน อะไรทำนองนั้น เขาคงจะเต้นฟ็อกซ์ทร็อต ชะชะช่า แซมบ้า แมมโบ้ — อะไรที่จะทำให้สไตล์นิวยอร์คของยุคแฟรงค์ ซินาตร้าดูดี วง Black Eyed Peas เพิ่งทำเวอร์ชั่นแร็พที่ยอดเยี่ยมของเพลง Joabim ของปี 1962 ที่ชื่อว่า ‘Sexy’ เสร็จ และมันเป็นอะไรที่ผมฟังแล้วอยากเต้นมากที่สุด”
เมื่อพูดถึงเพื่อนดาราอีกคนของเขา ทราโวลต้าถูกใจมากกับตัวละครของเดอะร็อค เอเลียต “ในหนังเรื่องนี้เดอะร็อคได้แสดงอารมณ์ขันของเขาออกมา” ทราโวลต้าเล่า “และเขาแสดงความสามารถในการแสดงด้วยการรับบทที่โดดเด่นมาก เขาได้เจอช่วงที่มหัศจรรย์ และแปลกประหลาดหลายครั้งด้วยกัน เหตุผลหนึ่งที่ผมรับเล่นหนังเรื่องนี้ ก็คือฉากๆ หนึ่งที่เขาแสดง การได้เคยเห็นเดอะร็อคที่เป็นคนซีเรียสมาก แสดงในฉากที่มีสองบุคคลิกในหนังเกี่ยวกับเชียร์ลีดเดอร์ในเรื่อง Bring It On กับบทพูดคนเดียว — ความตลกแบบพื้นๆ ในฉากนั้นไร้ที่ติ มันดีขนาดนั้นแหละ”
ในการถ่ายทำฉากที่ชิลีและอีดี้มุ่งหน้าสู่การแข่งขัน Lakers เพื่อทำให้สตีเวน ไทเลอร์แห่งวง Aerosmith เซ็นสัญญาเพื่อรักษาบริษัทบันทึกเสียงเอาไว้นั้น ทราโวลต้าสนุกกับการได้เห็นปฏิกิริยาของฝูงชน “เราถ่ายกันที่การแข่งขัน Lakers จริงๆ ที่ Staples Center และคนดูก็ได้เห็นอูม่ากับผมเดินเข้าเดินออกหลายรอบ เชื่อได้เลยว่าพวกเขาสงสัยว่าทำไมเราถึงเดินเข้าๆ ออกๆ นั่งลงแล้วก็คุยกับสตีเวน ไทเลอร์เหมือนกันทุกครั้ง พวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง” เขาหัวเราะ “สตีเวนเป็นธรรมชาติมาก และมันก็ตลกที่คนไม่รู้ว่าเรากำลังทำหนังกัน”
ทราโวลต้ากล่าวชมเพื่อนนักแสดงของเขาอีกคน อังเดร เบนจามิน ว่า “เขาคือคนของพระเจ้า — เขามีพรสวรรค์มากในการเป็นนักแสดงตลก ผมรักเพลง แต่ผมก็เกือบรักเขามากกว่าที่เป็นนักแสดง เขาทำให้ผมหัวเราะงอหาย — เขาตลกมากเลยในหนัง” เมื่อเอ่ยถึงเซดริค เดอะเอ็นเตอร์เทนเนอร์ เขากล่าวว่า “คำพูดหนึ่งที่ผมชื่นชอบมากที่สุดในหนังเป็นของเซดริค ตอนที่เขากำลังจะยิงใครคนหนึ่ง และเขาพูดว่า ‘อย่ามาบอกให้ผมใจเย็นนะ ผมน่ะเย็นอยู่แล้ว’ นี่ไม่ใช่ทั้งหมดของหนังเหรอ?”
และแม้ว่าในหนังเรื่องนี้จะมีนักแสดงที่มีประสบการณ์มากหน้าหลายตา แต่คริสติน่า มิเลียนนั้นก็นับได้ว่าค่อนข้างเป็นดาราหน้าใหม่ ทราโวลต้าเล่าว่า “คริสติน่าเป็นคนที่มีความสามารถมาก ไม่ได้เป็นแค่นักร้องนักแสดง แต่ยังเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ เธอเป็นธรรมชาติ; เธอมีทุกอย่าง ผมภูมิใจมากๆ กับเธอในเรื่องนี้”
แล้วผู้กำกับฯ ที่เป็นคนดูแลทุกอย่างล่ะ? ทราโวลต้าบอกว่า “แกรี่ตลกกว่าผู้กำกับฯคนไหนๆ ที่ผมเคยเจอ เขามองเราเหมือนเป็นหมากรุกเกมใหญ่ และเขาก็ต่อชิ้นส่วนปริศนาเข้าด้วยกัน ผมถูกใจกับการที่ได้เห็นเขาสนุกกับมัน เขามีภาพอยู่ในหัวสำหรับหนัง และมันทำให้เราสบายในฐานะนักแสดง เขายังเหลือไว้หนึ่งเทคในแต่ละฉากเพื่อให้เราทำในสิ่งที่อยากทำหรือถ้าเราอยากจะนอกบท เวลาที่เราเล่นนอกบทไว้สักเทคหนึ่งมันเหมือนว่าเราจะมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพราะนักแสดงรู้สึกว่าพวกเขาได้สร้างสรรค์บางอย่าง และแกรี่อ้าแขนรับขั้นตอนนี้”
ทำไมอูม่า เทอร์แมนถึงยอมรับบทเป็นอีดี้ เอเธนส์? “ฉันรู้สึกว่าสคริปท์ตลกและสนุกอย่างเหลือเชื่อ” เธอบอก “แต่หมัดเด็ดหมัดแรกก็คือการได้ร่วมทีมกับจอห์นอีกครั้ง เราเคยสนุกด้วยกันเมื่อ 10 ปีก่อน และพอฉันได้อ่านถึงฉากเต้นรำ ฉันก็รู้สึกว่าเหมือนเคยทำมาก่อน และการเต้นรำกับจอห์นทราโวลต้า เป็นเรื่องที่สนุกมาก
“จอห์นเป็นคู่เต้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก” เทอร์แมนกล่าวต่อ “เขาทำให้มันง่ายมาก เขากระตือรือร้นและสนุกกับการเต้นรำ แม้ว่าฉันจะขี้อายและไม่มั่นใจกว่าเขามาก มันทำให้ฉันปล่อยตัวตามสบายและเต้นรำกับเขาเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต”
เทอร์แมนชื่นชอบบรรดาตัวละครในเรื่อง และการที่ได้เฝ้าดูพวกเขาโต้ตอบกัน "สิ่งที่คนชอบสำหรับเอลมอร์ ลีโอนาร์ดคือความห้าวของตัวละครและคำพูดที่เฉียบคม” เธอกล่าว “มันสนุกมาก; ไม่ได้นุ่มนวลหรือเป็นสีเทา มันมีสีสันและดุเดือดและทำให้นักแสดงแต่ละคนทำสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์”
เทอร์แมนชื่นชมผู้กำกับฯ เอฟ แกรี่ เกรย์อย่างมาก “แกรี่เป็นผู้กำกับฯที่เก่งมาก” เธอกล่าว “เขามีเป้าหมายสูงและมีพลังงานจำนวนมหาศาล เขากระตือรือร้น และมีชีวิตอย่างมาก; รู้เลยว่าเขาอยากทำหนังที่ยอดเยี่ยมใจแทบขาด ความคิดที่ว่าเขาเตรียมทำหนังเรื่อง Be Cool เป็นเหมือนกับเรื่องฮิพฮอพอย่าง La Dolce Vita ผสมผสานภาพคลาสสิคพวกนั้นกับอะไรที่เป็นสมัยใหม่ ติดดิน ‘ป็อพ’ สนุกสนาน เป็นแนวทางที่น่าตื่นเต้นในการทำหนัง”
ในบทราจี วินซ์ วอห์นต้องบริหารกล้ามอารมณ์ขันของเขา เขาสร้างรสชาติให้กับการสวบบทเป็นราจีผู้ชอบวางท่า “ในฐานะนักแสดงมันน่าสนใจกว่าที่จะเล่นบทที่อยู่ห่างจากความเป็นศูนย์กลางสักหน่อย” วอห์นกล่าว “ราจีมีความเป็นเอกลักษณ์ เขาเป็นคนที่ใช้ภาษาฮิพฮ็อพเป็นภาษาประจำวัน และแต่งตัวอย่างมีเอกลักษณ์ ผมมองว่าราจีเป็นคนที่ไม่ดุเดือดเท่าไหร่ และไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง จนต้องสร้างความเป็นจริงสำหรับตัวเขาอย่างที่เขาจะรู้สึกปลอดภัยในนั้น”
วอห์นรู้สึกว่าเป้าหมายของราจีคือความสำเร็จ เขาต้องการจะเป็น “คนดัง” และพยายามทำตัวให้เหมือน ไม่สนว่าเขาจะเสียเวลาหรือว่าจริงๆแล้วเขามีความสามารถหรือเหมาะสมกับสถานะนั้นหรือไม่ — เป็นเรื่องที่วอห์นรู้สึกว่ามีเยอะแยะมากในโลกทุกวันนี้ “เดี๋ยวนี้คนเราให้ความสนใจมากกับการได้รับความสำเร็จ มีชื่อสียง แต่ไม่สนใจที่จะทำให้ดีกับตัวตนที่เป็นอยู่ขนาดนั้น” เขากล่าว “ทุกคนอยากเห็นผลอย่างรวดเร็ว ตอนผมเป็นเด็ก เรามีแค่รายการ Entertainment Tonight ตอนนี้เรามีรายการจำนวนมากมายในหลายช่องและนิตยสารที่ทุ่มเทให้กับคอนเซปท์ของความมีชื่อเสียงและไม่มากไปกว่านั้น เมื่อเทียบกับการทำงานเบื้องหลัง การเป็นนักดนตรีหรือนักแสดง หรือครูเก่งๆ หรืออะไรก็ได้”
ในการเตรียมตัวเพื่อให้สมจริงกับบทนั้น พูดตามจริงแล้ว วอห์นต้องค้นคว้าเพื่อหาเสียงของราจี “ที่ผมทำก็คือไปเช่าแผ่นดีวีดีหลายๆ ตอนของเรื่อง Sanford and Son และ Good Times มานั่งดู” เขากล่าว “ผมหาการทิ้งช่วงปล่อยมุกด้วยสำเนียง และผมก็ไม่อยากทำอะไรที่เป็นแบบสมัยใหม่เกินไป สำหรับผมมันเป็นการนั่งดูหนังที่ผมจินตนาการว่าราจีจะทำแบบนั้นและสร้างบุคลิกขึ้นมา จากนั้น ในฐานะนักแสดงกับเป้าหมายการแสดงตลก ผมจะทำให้มากกว่าที่จะออกมาแบบดราม่าตรงๆ”
เขายังใช้ความเห็นของตัวเองในฉากเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม “ผมพูดนอกบทบ่อยมาก” เขากล่าว “ถ้าถึงช่วงนึงที่ผมอยากพูด เวลาที่ผมเป็นตัวละครมันจะออกมาเอง ยิ่งเตรียมตัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งง่ายมากขึ้นที่จะตอบโต้กับมันและรู้ว่าตัวละครของเราจะพูดว่าอะไร”
เดอะร็อคเป็นคนแรกที่ยอมรับว่าเขาวิ่งไล่ตามบทของเอเลียต บอดี้การ์ดเกย์ที่กระหายจะได้ทำงานในธุรกิจการแสดง “ผมอยากเล่นบทนี้” เขากล่าว “โอกาสแบบนี้หายาก ที่จะได้ตัวนักแสดงที่ไม่ธรรมดาซึ่งผมนับถือมารวมกันอยู่ในหนังเรื่องเดียว เราสนุกกันมากเวลาเข้าฉาก” แล้วเขาคิดยังไงกับการที่เลือกรับบทที่คนช่างตรงข้ามโดยสิ้นเชิง? “ผมว่ามันน่าตื่นเต้น” เขากล่าว “ผมชอบเล่นตลกกับตัวเองและใช้ลูกเล่นที่คนคิดว่าผมเป็นใคร เพราะผมเป็นตัวผมเอง เหมือนกับ ‘เดอะร็อคเล่นเป็นเกย์จริงเหรอ?’ ทำไมล่ะ? เราถูกสร้างมาเท่าเทียมกัน และก็มีคนหลายประเภทในโลกนี้ นักแสดงที่ดีต้องรับบทคนทุกแบบได้ และผมชอบจริงๆ”
เดอะร็อคไม่ทำอะไรอย่างลวกๆ “มันสนุกมากที่ได้ข้องแวะกับสคริปท์ประเภทนี้ เพราะมันเดินเรื่องเร็วมาก ถูกเขียนไว้อย่างฉลาด ทำให้เราดูตลกโดยไม่ต้องพยายามทำตลก” เขากล่าว “มันเขียนไว้ตลก มันมีเสน่ห์มาก”
เมื่ออ้างถึงคำพูดที่ทราโวลต้าเป็นปลื้ม เซดริค เดอะเอ็นเตอร์เทนเนอร์ก็รู้ทันที “อย่ามาบอกให้ผมใจเย็นนะ ผมน่ะเย็นอยู่แล้ว” อธิบายถึงหนังได้ดี “เราไม่ต้องบอกกับหนังเรื่องนี้หรอก” เขากล่าว “มันเจ๋งอยู่แล้ว ผมสนุกกับบทนี้มากเลย ตัวละครของผมมีความขัดแย้งหลายอย่างในตัว เขาแปลก — เขาเข้าไปที่วาร์ตันแต่กลับออกมาเป็นอันธพาล เขาเป็นพ่อแต่เรารู้ว่าเขาสามารถถควักปืนออกมาแล้วฟาดหน้าเข้าให้โดยไม่รู้ตัว ผมว่ามันเป็นการเลือกตัวแสดงแบบแกะกล่อง และผมบอกกับแกรี่อย่างนั้น”
เซดริคผบว่าแกรี่อยากให้เขาเล่นบทนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว “เขาแค่คิดว่าผมน่าจะทำอะไรที่แตกต่างออกไปกับบทนี้” เขากล่าว “เขาไม่ได้อยากให้เป็นวายร้ายที่เป็นแบบธรรมดาทั่วไป ผมว่านั่นไม่เหมือนใครดี บทส่วนใหญ่ของผมเป็นไปตามแนวตลก แต่มันขึ้นอยู่กับตัวละคร; ไม่ได้มีการรับส่งมุกมากมายอะไร ผมคิดว่ามันเป็นบทที่แปลกที่ผมได้เล่น — บวกกับความเป็นผู้ร้าย ผมเคยรับแต่บทคนดีมาตลอด แต่ในเรื่องนี้ผมจะได้ไล่เตะก้นคนอื่น”
เซดริคตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับเกรย์ “สิ่งยอดเยี่ยมเกี่ยวกับแกรี่ก็คือเขารู้ว่าของต้องการอะไรในหนังในฐานะผู้กำกับฯ” เขากล่าว“ เขาถ่ายหนัง และเขาก็รู้ด้วยว่าพวกนักแสดงยินดีที่จะมีอิสระบ้าง ที่จะได้สร้างเรื่องเบื้องหลังอะไรทำนองนั้น เขาจะพูดว่า ‘เอาละ เป็นเรื่องของพวกคุณแล้ว เอาเลย ตามสบาย ตามใจคุณ’ แบบนั้นเจ๋งดี”
วงการเพลงมักมองหาหน้าใหม่ๆ เสมอ และสำหรับหนังพวกเขาได้พบหน้าใหมาจากคริสติน่า มิเลียนสาววัย 22 ความเป็นจริงที่ว่าเธอกำลังเป็นนักร้องดาวรุ่ง R&B/ป็อพในชีวิตจริง ทำให้การแสดงเป็นตัวละครของเธอสมจริงยิ่งขึ้น “ฉันยังต้องคอยหยิกตัวเองทุกวันเมื่อรู้ว่าได้เล่นหนังเรื่องนี้” เธอกล่าว “พวกนักแสดงน่าทึ่งมาก” สำหรับนักแสดงรุ่นเยาว์ มันเป็นบทบาทที่ยิ่งใหญ่มาก และมิเลียนยังต้องแสดงความสามารถของเธออีกหลายด้าน “ฉันเป็นนักร้องและนักแสดง” เธอกล่าว “ฉันเคยฝันที่จะทำทั้งสองอย่างมาตั้งแต่จำความได้ และการได้ทำทั้งสองอย่างในหนังเรื่องเดียวกันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ฉันต้องฝึกและทำหลายอย่างในหนังเรื่องนี้ — ร้องเพลง ไปที่สตูดิโอ เรียนการแสดงและเล่นเปียโน เป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมมาก ฉันไม่รู้ว่าต่อไปจะทำอะไรอีก”
มิเลียนรู้ว่ามันเป็นเพียงหนังคอมเมดี้ แต่บ่อยครั้งที่เธอรู้สึกว่า Be Cool เป็น “เรื่องจริงอย่างที่สุดของวงการเพลง ฉันอยู่ในวงการเพลง และบางคนก็ทำการบ้านมา” เธอหัวเราะ
อังเดร เบนจามินเป็นนักร้องอีกคนหนึ่งที่ยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสก้าวสู่จอภาพยนตร์ “ผมคิดว่าทุกคนจะเคยพูดเมื่อตอนที่ยังเด็กว่า ‘ฉันอยากเป็นดาราหนัง’” เขากล่าว “ผมไม่ได้เริ่มจนกระทั่งเมื่อห้าปีก่อนที่มีผู้อำนวยการสร้างอิสระ กับพวกที่ทำหนังอสระโทร.มาหาผม 4-5 ครั้งบอกว่าอยากเลือกผมให้แสดง ผมก็เลยเริ่มด้วยการมาที่แคลิฟอร์เนียแล้วก็ทดสอบอ่านบท มันสนุกมาก ผมก็เลยทำไปเรื่อยๆ และตอนนั้นผมก็มองหาอะไรใหม่ๆ ให้กับงานเพลง พอบทใน Be Cool เข้ามา ผมก็เสียบทันที”
เบนจามินรู้จักกับผู้กำกับฯ เกรย์มาก่อนหน้านี้ “เกรย์ทำงานในวีดิโอชุดสองในอัลบั้มแรกของ OutKast ในปี 1994” เขากล่าว “เราสร้างชื่อขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เราเจอกันที่กองถ่ายวิดีโออีกหลายปีต่อมาแล้วเขาบอกผมว่า ‘ผมจะตามตัวคุณ ผมมีหลายโปรเจ็คที่จะทำ ติดต่อกันเอาไว้’ ผมคิดว่ามันเป็นเวลาอีกสี่ปีหลังจากนั้น และเขากลายเป็นผู้กำกับฯ ไม่ธรรมดา เขาโทร.มาบอกว่า ‘ผมกำลังจะทำหนังเรื่อง Be Cool’ และบอกว่ามีตัวละครตัวนึง ‘บทเล็กๆ แต่เราจะผลักดัน พลิกแพลง เพิ่มบทให้ และผมจะสร้างตัวละครจากคุณ’ ผมเชื่อแกรี่ และผมก็สนุกมากกับการแล่นเป็นดาบู สุดยอดแห่งอันธพาล"--จบ--